นายชนินทร์ เย็นสุดใจ ประธานกรรมการ บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะเข้าซื้อกิจการอย่างต่อเนื่องในปีนี้ โดยเน้นธุรกิจที่มีความเกี่ยวเนื่องกันทั้งในประเทศไทยและประเทศกำลังพัฒนา อาทิ โครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ธุรกิจหม้อแปลงและแบตเตอรี่ ธุรกิจโครงข่ายสายไฟฟ้า รวมไปถึงธุรกิจที่เกี่ยวกับโลจิสติกส์ เป็นต้น โดยบริษัทมีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการเข้าซื้อกิจการอย่างมาก และสามารถทำให้กิจการเหล่านั้นเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
"เรายังมีแผนการเข้าซื้อกิจการอย่างต่อเนื่อง โดยการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้กระบวนการต่างๆเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งในช่วงนี้เป็นเวลาของการผู้ซื้อ เราสามารถเลือกกิจการที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ"นายชนินทร์ กล่าว
สำหรับทิศทางผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2/63 จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 1/63 โดยเป็นผลมาจากการที่บริษัทมีงานในมือ (Backlog) ราว 10,000 ล้านบาทที่จะสามารถรับรู้เข้ามาเป็นรายได้อย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันจะเริ่มรับรู้รายได้จาก บริษัท ไทยเคเบิ้ล อินเตอร์เนชั่นแนล (TCI) และกิจการสายไฟประเทศเวียดนาม (Thipa) เข้ามาในช่วงไตรมาส 2/63
ในส่วนของประเทศไทยเองก็ยังมีโอกาศการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่างๆของภาครัฐ อาทิเช่นโครงการนำสายไฟฟ้าลงดิน โครงการรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ รวมไปถึงการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)
"เราไม่ได้เน้นการลงทุนแค่ในประเทศไทย เราจึงมองว่ามีโอกาสอีกมาในการจะเติบโต แม้ว่าในบางประเทศอาจจะผลกระทบทางลง แต่ในทางกลับกันในบางประเทศก็มีการเติบโตเช่นเดียวกันจึงเป็นกลยุทธ์ที่กระจายการลงทุนไปยังหลากหลายประเทศเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง ซึ่งในส่วนนี้เองทำให้เรามีผลกระทบจากการอัตราแลกเปลี่ยนไม่มากนักด้วย เนื่องจากทำให้บริษัทมี Natural hedge "นายชนินทร์ กล่าว