นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ณ สิ้นเดือน เม.ย.63 ปิดที่ 1,301.66 จุด เพิ่มขึ้น 15.6% จากสิ้นเดือนก่อน สูงเป็นอันดับ 2 ในเอเชีย สอดคล้องกับสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ด้านมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวมของ SET และตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) อยู่ที่ 68,093 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% จากค่าเฉลี่ยทั้งปี 62 โดยตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดในเดือน มี.ค.สอดคล้องกับทิศทางของตลาดโลก
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ต้องติดตามในระยะต่อไป ซึ่งนอกจากประสิทธิภาพในการควบคุมการระบาดแล้ว ผู้ลงทุนควรให้ความสำคัญกับการปรับตัวของประชาชน และผู้ประกอบการในประเทศเพื่อป้องกันการระบาดซ้ำ และการเดินหน้ากิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งในและระหว่างประเทศในระยะต่อไป
สำหรับเดือน เม.ย.การเคลื่อนไหวของหุ้นกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม กลุ่มทรัพยากร กลุ่มบริการ และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่า SET Index ขณะที่ผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหลักทรัพย์ไทย 46,782 ล้านบาท
ด้าน Forward และ Historical P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนเม.ย.63 อยู่ที่ระดับ 17.7 เท่า และ 15.1 เท่าตามลำดับ สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 13.3 เท่า และ 14.0 เท่าตามลำดับ อัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือน เม.ย.63 อยู่ที่ระดับ 4.0% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 3.3%
มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมของ SET และ mai ณ สิ้นเดือน เม.ย.63 อยู่ที่ 14.2 ล้านล้านบาท ลดลง 16.4% จากสิ้นปี 62 โดยในช่วง 4 เดือนแรกของปี 63 มูลค่าการระดมทุนครั้งแรก (IPO) ของไทยอยู่ที่ระดับ 56,127 ล้านบาท ขณะที่การเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน (SPO) มีมูลค่ารวม 11,666 ล้านบาท
ด้านภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในเดือน เม.ย.63 มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 365,223 สัญญา ซึ่งลดลง 51.6% จากเดือนก่อน