นายสดาวุธ เตชะอุบล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และรักษาการกรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี (MFC) เปิดเผยว่า บลจ. เอ็มเอฟซี แนะนำ กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โกลบอล โฟกัส (MGF) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตราสารทุนประเภท Feeder Fund มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Threadneedle Global Focus Fund (กองทุนหลัก) ซึ่งบริหารโดย Threadneedle Management Luxembourg S.A. เพียงกองทุนเดียวโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่ต่ำกว่า 80% ของ NAV ซึ่งกองทุนหลักจดทะเบียนจัดตั้งที่ประเทศลักเซมเบิร์ก พร้อมทีมบริหารกองทุนและทีมนักวิเคราะห์ที่มีประสบการณ์และความชำนาญด้านการลงทุน
กองทุนดังกล่าวมีนโยบายลงทุนในตราสารทุนทั่วโลก โดยมุ่งหวังสร้างอัตราผลตอบแทนสูงในระยะยาว และกองทุนหลักมีจุดเด่นที่สำคัญคือ มีกระบวนการลงทุนที่สร้างความแตกต่างในเชิงคุณภาพที่ชัดเจน โดยเน้นการวิเคราะห์และคัดเลือกหุ้นของบริษัทที่มีความได้เปรียบทางด้านการแข่งขันเชิงธุรกิจ ทำให้สามารถทำกำไรเติบโตสูงและยั่งยืน ทั้งยังมีศักยภาพสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าในระยะยาว กองทุนหลักยังได้รับการจัดอันดับเรตติ้ง 5 ดาวจากมอร์นิ่งสตาร์ โดยกองทุน MGF มีนโยบายลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน (Efficient Portfolio Management)
ทั้งนี้ กองทุน MGF เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในหุ้นทั่วโลกที่มีคุณภาพดี มีการเติบโตสูงอย่างยั่งยืน และผู้ลงทุนสามารถรับความเสี่ยงจากการลงทุนในต่างประเทศได้สำหรับผู้สนใจสามารถลงทุนขั้นต่ำได้ตั้งแต่ 1,000 บาท ซื้อและขายคืนได้ทุกวันทำการ มีนโยบายจ่ายเงินปันผลอย่างน้อย ปีละ 1 ครั้ง เสนอขายครั้งแรกวันนี้ถึง 22 พ.ค. 63
นายสดาวุธ กล่าวว่า การระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจโลกปี 63 หยุดชะงักและหดตัวแรง อัตราการว่างงานพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ความผันผวนในตลาดทุน กลุ่มธุรกิจ อุตสาหกรรมได้รับผลกระทบรุนแรงเช่น กลุ่มขนส่ง และสถาบันการเงิน อย่างไรก็ตามบางธุรกิจกลับเติบโตสวนกระแส กำไรเพิ่มขึ้นและคงมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง เช่น ธุรกิจเทคโนโลยีทางการแพทย์, ธุรกิจบริการด้านการสื่อสาร และกลุ่มเทคโนโลยี และมีแนวโน้มเติบโตสูงต่อเนื่องในระยะยาว
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกด้วยการสนับสนุนด้านนโยบายการเงินและการคลังจากรัฐบาลของหลายประเทศ เช่น ธนาคารกลางทั่วโลกปรับลดนโยบายดอกเบี้ยและเพิ่มปริมาณการซื้อสินทรัพย์ (Quantitative Easing) เพื่อบรรเทาผลกระทบจากโควิด-19 อีกทั้งมีการคาดการณ์ผลประกอบการของแต่ละบริษัทที่จะเริ่มฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 รวมถึงเศรษฐกิจโลกที่น่าจะฟื้นตัวและกลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2564 บลจ. เอ็มเอฟซีจึงมองเป็นโอกาสลงทุนในหุ้นคุณภาพ เติบโตสูงและยั่งยืน