MFC เสนอขายกองทุนหุ้นทั่วโลกที่มีคุณภาพเติบโตสูงเปิดจองซื้อครั้งแรกวันนี้ถึง 22 พ.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 13, 2020 10:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสดาวุธ เตชะอุบล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และรักษาการกรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี (MFC) เปิดเผยว่า บลจ. เอ็มเอฟซี แนะนำ กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โกลบอล โฟกัส (MGF) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตราสารทุนประเภท Feeder Fund มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Threadneedle Global Focus Fund (กองทุนหลัก) ซึ่งบริหารโดย Threadneedle Management Luxembourg S.A. เพียงกองทุนเดียวโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่ต่ำกว่า 80% ของ NAV ซึ่งกองทุนหลักจดทะเบียนจัดตั้งที่ประเทศลักเซมเบิร์ก พร้อมทีมบริหารกองทุนและทีมนักวิเคราะห์ที่มีประสบการณ์และความชำนาญด้านการลงทุน

กองทุนดังกล่าวมีนโยบายลงทุนในตราสารทุนทั่วโลก โดยมุ่งหวังสร้างอัตราผลตอบแทนสูงในระยะยาว และกองทุนหลักมีจุดเด่นที่สำคัญคือ มีกระบวนการลงทุนที่สร้างความแตกต่างในเชิงคุณภาพที่ชัดเจน โดยเน้นการวิเคราะห์และคัดเลือกหุ้นของบริษัทที่มีความได้เปรียบทางด้านการแข่งขันเชิงธุรกิจ ทำให้สามารถทำกำไรเติบโตสูงและยั่งยืน ทั้งยังมีศักยภาพสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าในระยะยาว กองทุนหลักยังได้รับการจัดอันดับเรตติ้ง 5 ดาวจากมอร์นิ่งสตาร์ โดยกองทุน MGF มีนโยบายลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน (Efficient Portfolio Management)

ทั้งนี้ กองทุน MGF เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในหุ้นทั่วโลกที่มีคุณภาพดี มีการเติบโตสูงอย่างยั่งยืน และผู้ลงทุนสามารถรับความเสี่ยงจากการลงทุนในต่างประเทศได้สำหรับผู้สนใจสามารถลงทุนขั้นต่ำได้ตั้งแต่ 1,000 บาท ซื้อและขายคืนได้ทุกวันทำการ มีนโยบายจ่ายเงินปันผลอย่างน้อย ปีละ 1 ครั้ง เสนอขายครั้งแรกวันนี้ถึง 22 พ.ค. 63

นายสดาวุธ กล่าวว่า การระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจโลกปี 63 หยุดชะงักและหดตัวแรง อัตราการว่างงานพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ความผันผวนในตลาดทุน กลุ่มธุรกิจ อุตสาหกรรมได้รับผลกระทบรุนแรงเช่น กลุ่มขนส่ง และสถาบันการเงิน อย่างไรก็ตามบางธุรกิจกลับเติบโตสวนกระแส กำไรเพิ่มขึ้นและคงมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง เช่น ธุรกิจเทคโนโลยีทางการแพทย์, ธุรกิจบริการด้านการสื่อสาร และกลุ่มเทคโนโลยี และมีแนวโน้มเติบโตสูงต่อเนื่องในระยะยาว

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกด้วยการสนับสนุนด้านนโยบายการเงินและการคลังจากรัฐบาลของหลายประเทศ เช่น ธนาคารกลางทั่วโลกปรับลดนโยบายดอกเบี้ยและเพิ่มปริมาณการซื้อสินทรัพย์ (Quantitative Easing) เพื่อบรรเทาผลกระทบจากโควิด-19 อีกทั้งมีการคาดการณ์ผลประกอบการของแต่ละบริษัทที่จะเริ่มฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 รวมถึงเศรษฐกิจโลกที่น่าจะฟื้นตัวและกลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2564 บลจ. เอ็มเอฟซีจึงมองเป็นโอกาสลงทุนในหุ้นคุณภาพ เติบโตสูงและยั่งยืน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ