SCBS แนะมองภาพใหญ่ผลกระทบโควิด รอโอกาสศก.ฟื้น U shape เชียร์กลุ่ม Health Care-สินค้าจำเป็น เลี่ยงท่องเที่ยว-น้ำมัน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 13, 2020 14:57 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายศรชัย สุเนต์ตา กรรมการผู้จัดการ Chief Investment Office บล.ไทยพาณิชย์ กล่าวในการเสาวนาหัวข้อ"Leading Wealth Management into the Future"ว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้นักลงทุนมีความกังวลค่อนข้างมาก เนื่องจากไม่สามารถประเมินได้ว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลงได้เมื่อใด เพราะมีผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจและมูลค่าสินทรัพย์ในการลงทุนค่อนข้างมาก ส่งผลให้ในช่วงที่ผ่านมานักลงทุนเทขายสินทรัพย์ต่างๆ ออกมา แล้วหันมาถือเงินสดแทน โดยเหลือเพียงสินทรัพย์บางประเภทที่ยังปรับตัวเป็นบวกได้ ได้แก่ ทองคำ
สำหรับผลกระทบต่อตลาด Wealth Managemen ในช่วงเดือน ม.ค.63 ขนาดของกองทุนทั้งประเทศอยู่ที่ 5.37 ล้านล้านบาท ก่อนที่จะปรับลดลงมากในเดือน มี.ค.มาอยู่ที่ระดับ 4.56 ล้านล้านบาท เป็นจากการขายสินทรัพย์ออกไป และราคาสินทรัพย์ในกองฯ ปรับตัวลดลงด้วย ขณะที่ในเดือน เม.ย. กลับมาดีขึ้นเล็กน้อยเป็น 4.77 ล้านล้านบาท โดย Sentiment ดีขึ้นหลังจากภาครัฐมีมาตรการต่างๆ ออกมาช่วยเหลือ รวมไปถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้นด้วยจากจำนวนผู้ติดเชื้อลดลงอย่างต่อเนื่อง
แต่อย่างไรก็ตามมูลค่าของกองทุนรวมยังไม่กลับมาสู่ระดับเดิมในช่วงต้นปี โดยเม็ดเงินลงทุนที่ไหลออกไปได้เคลื่อนย้ายไปยังเงินฝากธนาคารพาณิชย์ให้เพิ่มขึ้นเป็น 15.2 ล้านล้านบาท จากช่วงปกติอยู่ที่ราว 14 ล้านล้านบาท เป็นผลมาจากความกังวลความไม่แน่นอนในอนาคต ส่งผลให้ผู้ลงทุนส่วนใหญ่หันมาสำรองเงินสดมากขึ้น

นายศรชัย กล่าวว่า หลังจากนี้ บล.ต่างๆ จะต้องมีการปรับตัวด้วยการให้ความรู้และชี้แจงสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้แก่นักลงทุนมากขึ้นเพื่อลดความกังวลในการลงทุน เนื่องจากในช่วงต้นๆ ของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 มีประชาชนเข้ามาถอนหน่วยลงทุนจำนวนมาก เพราะกังวลว่าสถาบันทางการเงินจะไม่สามารถจ่ายเงินคืนได้ ในด้านกลยุทธ์การลงทุนจะต้องมองในภาพใหญ่ก่อนว่าผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะเป็นอย่างไร และจะกระทบกับบริษัทจดทะเบียนอย่างไร ทั้งในด้านผลตอบแทนการลงทุน และความสามารถในการชำระหนี้ โดยในช่วงไตรมาส 1/63 ได้รับผลกระทบไปบ้างแล้ว ขณะที่ไตรมาส 2/63 จะได้รับผลกระทบมากขึ้นไปอีก และเป็นช่วงผลการดำเนินงานจะลงไปที่จุดต่ำที่สุด คาดว่าตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของโลกจะติดลบ 3% แต่จากนี้ไปการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจะออกมาในรูปของ U shape ซึ่งปัจจุบันภาครัฐบาลของหลายประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการต่างๆออกมาแล้ว แต่อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวที่จะเกิดขึ้นอย่างแท้จริงคงจะต้องรอช่วงหลังจากที่สามารถผลิตวัคซีนออกมาได้แล้ว

นายศรชัย กล่าวอีกว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวขึ้นมานั้น เป็นการลงทุนโดยการมองทิศทางในอนาคต หลังจากตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ลดลงต่อเนื่อง ขณะเดียวกันธนาคารต่างๆทั่วโลกได้อัดฉีดเม็ดเงินจำนวนมากเข้ามาช่วยเหลือในระยะสั้น ส่งผลสภาพคล่องล้นออกมา ทั้งนี้ แนะนำให้เลือกลงทุนในกลุ่ม Defensive และ มีกระแสเงินสดรองรับการดำเนินธุรกิจค่อนข้างมาก อาทิ Health Care ต่อมาคือกลุ่มบริษัทที่ผลิตสินค้าจำเป็นทั้งก่อนโรคระบาดและหลังจบโรคระบาดแล้ว ซึ่งได้รับผลกระทบน้อยมาก

ขณะที่กลุ่มที่ต้องหลีกเลี่ยงลงทุน คือ กลุ่มอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งมองว่าจะเป็นกลุ่มหลังๆที่จะฟื้นตัว โดยในปีนี้คาดว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวจะอยู่ที่ราว 10 ล้านคน ต่ำกว่าปีก่อนถึง 60-70% , กลุ่มน้ำมัน แม้มองว่าผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว แต่หากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นอาจส่งผลให้มีการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันตามมา จึงจะส่งผลให้ราคาน้ำมันไม่ปรับตัวขึ้นไปได้สูงมากนัก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ