นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับฐานในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้าต่างติดลบกัน เช่นเดียวกับดาวโจนส์ที่ปรับตัวลงค่อนข้างแรงเมื่อคืนที่ผ่านมา เนื่องจากยังมีความกังวลสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 และการที่เฟดยืนยันว่าไม่ใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบนั้น ทำให้ยังเป็นภาพที่เป็น Negative
อนึ่ง เมื่อคืนนี้ นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวยืนยันว่า แม้เฟดใช้เครื่องมือด้านนโยบายจนหมดในการรับมือกับวิกฤติการณ์ไวรัสโควิด-19 แต่เครื่องมือหนึ่งที่เฟดจะไม่เข้าไปแตะคือการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ
ส่วนบ้านเราก็มีปัจจัยหนุนจากเรื่องการคลายล็อกดาวน์ ระยะ 2 นอกเหนือจากนี้ก็ไม่ได้มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามา และในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ก็จะมีตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/63 ของไทยออกมา ซึ่งตลาดคาดว่าจะหดตัว รวมถึงตลาดบ้านเราในแง่ Valuation ก็ตึงตัวแล้วหลังเทรด P/E 18 เท่า
พร้อมให้แนวรับ 1,280 จุด ส่วนแนวต้าน 1,300 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (13 พ.ค.63) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,247.97 จุด ร่วงลง 516.81 จุด (-2.17%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,820.00 จุด ลดลง 50.12 จุด (-1.75%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,863.17 จุด ลดลง 139.38 จุด (-1.55%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 126.56 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 10.99 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 142.23 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 44.10 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 17.98 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 25.37 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 3.21 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 13.28 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (13 พ.ค.63) 1,294.55 จุด ลดลง 5.14 จุด (-0.40%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 4,053.29 ล้านบาท เมื่อวันที่ 13 พ.ค.63
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (13 พ.ค.63) ปิดที่ 25.29 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 49 เซนต์ หรือ 1.9%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (13 พ.ค.) อยู่ที่ -1.69 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.08 เคลื่อนไหวกรอบแคบตามภูมิภาค หลังดอลล์แข็งจากประธานเฟดปัดใช้นโยบายดอกเบี้ยติดลบ แม้กังวลเศรษฐกิจสหรัฐฯ
- คมนาคม นัดถก "คลัง" วันนี้ หวังเร่งสรุปแผนฟื้นฟู "การบินไทย" พร้อมเคลียร์ 23 ประเด็นเสี่ยง ห่วงความเสี่ยงขั้นตอนจัดซื้อจัดจ้าง-พนักงานไม่ร่วมมือ ด้าน "คลัง" เผยไม่เคยรับทราบปมความเสี่ยง 23 ข้อ ย้ำช่วงหารือในคนร. ไม่มีถกเรื่องนี้ ขณะ "นายกฯ" ยืนยัน ไม่ถึงขั้นล้มละลาย
- "สนธิรัตน์" เตรียมปฏิรูปราคาปาล์มครั้งใหญ่ดึงเทคโนโลยีบล็อกเชน จับคู่ซื้อขายสกัดพ่อค้าคนกลางกดราคาปาล์มเกษตรกร มอบกรุมธุรกิจพลังงาน ถกร่วมทุกฝ่ายในรายละเอียด 15 พ.ค.นี้ หวังนำร่องดำเนินการได้ มิ.ย. ส่วนโรงไฟฟ้าชุมชนรอลุ้น ครม.เคาะผ่านพีดีพีภายใน 2 สัปดาห์ ก่อนลุยประกาศรับซื้อ มิ.ย.63 "พาณิชย์" เคาะจ่ายชดเชยประกันรายได้ปาล์ม งวดที่ 6 ที่กิโลละ 97 สตางค์ "จุรินทร์" ผนึกพลังงาน มหาดไทย ดันราคาผลปาล์ม เร่ง กฟผ.รับซื้อน้ำมันปาล์มดิบไปผลิตไฟฟ้า
- การท่องเที่ยวฯ เตรียมความพร้อมคลายล็อกประเทศ ประชุมร่วมกับภาคเอกชนวางแผนฟื้นฟูเสนอรัฐบาลของบฯ ประเมินหลังคลี่คลายกลุ่มเจนวาย อายุ 23-40 ปี คนวัยทำงานจะเป็นชุดแรกที่มาเที่ยว คาดการท่องเที่ยวต่อไปจะเป็นกลุ่มเล็กลง พักระยะสั้นเพื่อลดเสี่ยงติดโรคระบาด
- นายพิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการ ศูนย์วิจัยทองคำ เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำประจำเดือน พ.ค.ว่า ความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือน เม.ย.จากระดับ 67.93 จุด มาอยู่ที่ระดับ 68.33 จุดเพิ่มขึ้น 0.40 จุด หรือ 0.59% ปัจจัยที่ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นมาจากโควิด-19, ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก, ความต้องการซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย โดยการปรับขึ้นของดัชนีความเชื่อมั่นนี้ ปรับขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6
*หุ้นเด่นวันนี้
- CKP (กรุงศรี) "ทยอยสะสม"เป้า 4.5 บาท มองผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดของปีมาแล้ว และจะทยอยฟื้นตัวตั้งแต่ Q2/63 ตามปริมาณน้ำในเขื่อนที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากเข้าสู่ช่วงฤดูฝน ส่งผลให้เขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำของ CKP คือ เขื่อนน้ำงึม 2 และเขื่อนไซยะบุรี ในลาวจะกลับมาผลิตไฟฟ้าได้เต็ม Capacity จากที่ลดลงอย่างมากในช่วงไตรมาส 4 และ 1 ที่ผ่านมา
- HANA (ฟินันเซีย ไซรัส) "ทยอยซื้อ" กำไรปกติอยู่ที่ 508 ล้านนบาท +11% Q-Q, +66% Y-Y ดีกว่าฟินันเซีย ไซรัส และตลาดคาดมาก จากอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีกว่าคาดมาก เป็น 15.4% สูงสุดในรอบ 6 ไตรมาสจากค่าเงินบาทอ่อนค่าเป็นหลัก แต่รายได้ลดลงเพราะ lockdown แนวโน้ม Q2/63 ลดลงเป็นจุดต่ำสุดของปี อยู่ระหว่างปรับเป้าไปเป็น 4 ไตรมาสข้างหน้าราว 34-36 บาท