SSP คาดปี 63 โตเด่นหลัง Q1 กำไรพุ่ง 75% จากรับรู้ฯ โซลาร์ฟาร์มญี่ปุ่นเพิ่ม 34 MW/เวียดนาม-มองโกเลียเต็มปี

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 14, 2020 12:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น (SSP) เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 214 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 92 ล้านบาท หรือ 75% จากไตรมาส 1/62 สาเหตุหลักมาจากรายการพิเศษ คือ กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 51 ล้านบาท แต่หากไม่รวมรายการดังกล่าว SSP มีกำไรจากการดำเนินงานปกติ 161 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% สร้างสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง

สำหรับผลประกอบการที่ดีขึ้นเนื่องจากมีการรับรู้รายได้จากโครงการโซลาร์ฟาร์มเวียดนามและมองโกเลียรวม 66 เมกะวัตต์ ตลอดจนโรงไฟฟ้าซึ่งเปิดดำเนินการระหว่างปี 61 ทั้งในไทยและญี่ปุ่นรับรู้รายได้เต็มปี โดยในปัจจุบัน SSP มีกำลังการผลิตไฟฟ้าในมือรวมทั้งสิ้น 160 เมกะวัตต์

พร้อมกันนี้ บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมขายไฟโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Yamaga ประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิต 34 เมกะวัตต์เพิ่มอีกภายในเดือน มิ.ย.63 ซึ่งเร็วกว่ากำหนด เมื่อรวมกับการรับรู้รายได้เต็มปีของโซลาร์ฟาร์มเวียดนามและมองโกเลีย จะทำให้ปี 63 นี้มีการเติบโตอย่างโดดเด่นเช่นเคย

ส่วนแนวโน้มรายได้ในช่วง 3 ปีข้างหน้าคาดยังเติบโตอีกมาก จากการมีโรงไฟฟ้าใหม่ๆเริ่มขายไฟมากขึ้นเรื่อยๆ โดยมีฐานจำนวนโรงไฟฟ้าที่ยังไม่สูง พอโรงไฟฟ้าใหม่ๆ เริ่มดำเนินการก็จะมีอัตราเติบโตต่อรายได้และกำไรมาก โรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่จะเข้ามาในรอบ 3 ปีข้างหน้า อาทิ โรงไฟฟ้าพลังงานลมกำลังการผลิต 48 เมกะวัตต์ในเวียดนาม โรงไฟฟ้าพลังงานแสงแดดในญี่ปุ่นอีก 2 โรง กำลังการผลิต 26 เมกะวัตต์ และ 22 เมกะวัตต์ ตามลำดับ ทุกโครงการเดินหน้าปกติตามแผนงาน ไม่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดแต่อย่างใด

"จุดแข็งของ SSP คือ มีความเชี่ยวชาญ เน้นพัฒนาโครงการตั้งแต่ต้น ไม่เน้นการซื้อโครงการที่เสร็จแล้วมาดำเนินการต่อ ซึ่งทำให้ได้ผลตอบแทนในแต่ละโรงไฟฟ้าดีกว่าอย่างชัดเจน แต่ก็ไม่ได้ปิดโอกาส หากมีโครงการที่ผลตอบแทนดี ความเสี่ยงต่ำก็พร้อมซื้อเช่นกัน"

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SSP กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาพยายามมองหาโครงการใหม่มาเติมในพอร์ตการลงทุนอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับรายได้และกำไรที่เติบโตสูงมาตลอด โดยในปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เฟส 2 ในเวียดนาม และเตรียมเข้าลงทุนโครงการโซลาร์รูฟท็อปในอินโดนีเซีย คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในปี 63

ทั้งนี้ SSP มีเป้าหมายต้องการมีกำลังการผลิตไฟฟ้า 400 เมกะวัตต์ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ