PRM แจงรายได้-กำไร Q1/63 โตดีตอบรับดีมานด์กลุ่ม FSU-ขนส่งน้ำมันฯ มั่นใจ H1/63 โตต่อเนื่อง

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 14, 2020 12:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิริทธิ์พล จุไรสินธุ์ ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี บมจ.พริมา มารีน (PRM) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/63 ว่า บริษัทมีอัตราการเติบโตทั้งในแง่ของรายได้และการทำกำไรที่ดีสอดรับกับการขยายการลงทุนของกลุ่มธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศ และกลุ่มธุรกิจเรือขนส่งและจัดเก็บปิโตรเลียมกลางทะเล (FSU) ซึ่งเป็น 2 กลุ่มธุรกิจหลักที่เติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ บริษัทมีผลกำไรก่อนหักอัตราแลกเปลี่ยน (Core Profit) ในไตรมาสนี้จำนวน 372.4 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 51.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 246.1 ล้านบาท และหากหักอัตราแลกเปลี่ยนแล้วบริษัทยังมีกำไรสุทธิสูงถึง 295.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขณะที่รายได้รวมทำได้ 1,505.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,188.7 ล้านบาท

ปัจจัยการเติบโตดังกล่าว มาจากกลุ่มธุรกิจเรือขนส่งและจัดเก็บปิโตรเลียมกลางทะเลหรือ FSU ที่มีรายได้เติบโตจากการลงทุนในปีที่ผ่านมา ประกอบกับความต้องการในการเก็บน้ำมันที่มีอยู่ในระดับสูงเนื่องจากการลดลงของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ส่งผลให้กลุ่มบริษัทสามารถปรับขึ้นราคาค่าบริการ ซึ่งจะส่งผลต่อผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจ FSU ในปี 63 ได้เป็นอย่างดี

ขณะที่กลุ่มธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศที่ให้บริการแก่คู่ค้าน้ำมันรายใหญ่ของไทย มีอัตราการใช้เรือเฉลี่ยยังคงอยู่ในระดับสูง แม้ปัจจัยจากโควิด-19 มีผลกระทบในช่วงปลายไตรมาส 1/63 แต่บริษัทมีแผนบริหารจัดการเพื่อรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้กลุ่มธุรกิจดังกล่าวยังทำผลงานได้ดีเช่นกัน

"เราพอใจกับผลการดำเนินของบริษัทในไตรมาสแรกที่เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดยมีกลุ่มธุรกิจเรือขนส่งและจัดเก็บปิโตรเลียมกลางทะเล (FSU) และธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศเป็นหัวหอก คิดเป็นสัดส่วนรายได้ประมาณ 48% และ 40% ของรายได้รวมทั้งหมดตามลำดับ และอัตรากำไรขั้นต้นยังขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เป็นผลให้เราสามารถทำกำไรสุทธิได้สูงสุดนับตั้งแต่ PRM เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อปี 60 ตอกย้ำความสำเร็จของ PRM ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมให้บริการเรือขนส่งและจัดเก็บปิโตรเลียมทางทะเลรายใหญ่ที่สุดของไทย"นายวิริทธิ์พล กล่าว

ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ บริษัทมั่นใจว่าจะรักษาการเติบโตที่ดีได้อย่างต่อเนื่อง จากกลุ่มธุรกิจเรือขนส่งและกักเก็บปิโตรเลียมกลางทะเล (FSU) ที่ยังคงรักษาอัตราการใช้บริการเรือเต็ม 100% เช่นเดียวกับกลุ่มธุรกิจเรือขนส่งภายในประเทศที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้น หลังภาครัฐเริ่มคลายมาตรการล็อคดาวน์จากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ