นายณรงค์ ทัศนนิพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ซีฟโก้ (SEAFCO) มั่นใจกองทุนจากสิงคโปร์ CREDITAGRICOLEAS-SET MANAGEMENT SINGAPORE LIMITED ไม่เข้าเทคโอเวอร์บริษัทแน่ เพราะกลุ่มพันธมิตรที่เป็นผู้ถือหุ้นเดิมถือหุ้นใหญ่ 51-52% ประกอบกับกองทุนดังกล่าวไม่มีความเชี่ยวชาญด้านรับเหมา
"จะมาเทคฯได้อย่างไง ผมมีหุ้นกล่มของผมเกินครึ่ง ประมาณ 51-52% เพราะฉะนั้นโอกาสที่เข้าจะเข้ามาเทคโอเวอร์ก็ยาก และผมคิดว่าเขาก็ไม่มาเทคฯหรอก เพราะว่ากองทุนอย่างนี้จะมาทำงานรับเหมาได้เหรอ มันคงละ field ผมคิดว่าคงไม่เข้ามาเทคฯ ผมเข้าใจว่า เขาคงเห็นว่าบริษัทเป็น Growth Stock เท่าที่คุยๆ เขามองระยะยาว ซึ่งเราคุยกันครั้งเดียว"นายณรงค์ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
อย่างไรก็ตาม นายณรงค์ กล่าวว่า ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ หลังจากที่เห็นกองทุนสิงคโปร์เข้ามาถือหุ้น(ตามรายชื่อ)เป็นอันดับต้น ๆ โดยได้ขอดูโครงสร้างผู้ถือหุ้นถี่กว่าปกติ โดยตัวเขาเองถือหุ้นเพียง 7% ดังนั้น ในเมื่อมีนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนเป็นสัดส่วนที่มาก จึงต้องระมัดระวังให้ดี
นายณรงค์ กล่าวว่า เมื่อ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทางกองทุนสิงคโปร์ได้โทรศัพท์เข้ามาสอบถามเรื่องทั่วๆ ไปของบริษัท เหมือนกับนักลงทุนปกติ ซึ่งฝ่ายบริหารก็ได้ตอบคำถามไปเป็นเรื่องปกติว่ากิจการเป็นอย่างไร ซึ่งทางกองทุนดังกล่าวก็บอกว่าได้เข้ามาถือหุ้นบริษัทบ้างแล้ว โดยในวันศุกร์ซื้อเพิ่มและมีการแจ้งข้อมูลเข้ามา
"เขาอาจจะเห็นว่าเราเป็นหุ้น undervalue อยู่ แต่ส่วนที่เขาเจตนาอย่างไร จริงๆไม่มีใครรู้หรอก แต่เพียงแต่ว่าเราเอาหุ้นเข้าไปในตลาดฯ เราก็หวังขายนักลงทุนอยู่แล้ว เพียงถ้ามีคนถามว่าถ้าเขาเข้ามาเทคฯจะทำยังไง ถ้าเทคฯ มาก็แย่งซื้อกลับ ยังไงก็คงไม่ปล่อยให้เขาเทคฯ อยู่แล้ว มันเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าเขาอยากจะเทคฯ เราก็ไม่ปล่อย เราก็ต้องซื้อหุ้นกลับ"นายณรงค์ กล่าว
นายณรงค์ กล่าวอีกว่า ยังมองแง่ดีว่ากองทุนสิงคโปร์เห็นหุ้น SEAFCO ดีก็คงเข้ามาลงทุน แต่ก็จะอาศัยโอกาสที่จะเดินทางไปดูงานบริษทร่วมทุน ซีฟโก้ เรียวบิ ที่สิงคโปร์ ที่จะเข้าไปพูดคุยกันผู้บริหารกองทุนดังกล่าวด้วยในช่วงปลายเดือนนี้หรือต้นเดือนหน้า นอกจากนี้ ยังไปร่วมโรดโชว์กับบริษัทหลักทรัพย์ในสิงคโปร์ในวันที่ 2 ส.ค.นี้ด้วย
"เรื่องกังวลที่กองทุนสิงคโปร์เข้ามาซื้อหุ้น เราไม่ได้กังวล แต่เมื่อมีคนมาลงทุนมากขึ้น จริงๆต้องดีใจด้วยซ้ำไป แต่เพียงแต่ว่า ถ้าเขามาถือมากไม่กระจัดกระจาย เราก็ต้องดูเป็นพิเศษว่าเขาจะซื้อเพิ่มหรือเปล่า เราก็ต้องมาคัดดูบ่อยๆมากกว่า และก็ต้องติดตามในเรื่องของหุ้นมากขึ้น ซึ่งเมื่อก่อนอาจจะติดตามไม่มากนัก เพราะมัวแต่ทำงาน แต่เดี๋ยวนี้ต้องมาดูมากหน่อย แต่เรื่องเทคฯเราไม่ห่วงหรอก ถ้าเกิดเขาสนใจและอยากจะลงเงินอีก อยากจะเอาเงินมาบริหาร เราก็คิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะจริงๆแล้วถ้าเขาบริหารคงบริหารไม่ดีเท่าเรา แต่เขาอาจจะช่วยเราเรื่องการเงินได้ ก็แค่นั้นเอง" นายณรงค์ กล่าว
นอกจากนี้ยังมีกองทุนต่างชาติรายอื่น ๆ และสถาบันในประเทศที่เข้ามาถือหุ้นในบริษัท แต่ก็ถือแต่ไม่ถึง 1%
**คาดครึ่งปีหลังได้งานเพิ่มมากกว่า 1 พันลบ.
นายณรงค์ กล่าวว่า ณ วันนี้งานในมือของบริษัทลดลงเหลือ 800 กว่าล้านบาทจากเมื่อต้นปีที่มี 1,500 ล้านบาท หลังจากรับรู้รายได้ไปในช่วงไตรมาส 1/50 ที่ผ่านมา เนื่องจากงานส่วนใหญ่เป็นงานเสาเข็มเจาะที่มีอายุงานสั้นประมาณ 3-6 เดือนเท่านั้น
ดังนั้น ในช่วงครึ่งหลังบริษัทก็ยังหางานใหม่เข้ามาเพิ่มอีก คาดว่าจะได้งานเข้ามาเพิ่มไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาท โดยน่าจะเป็นงานในประเทศ ส่วนใหญ่เป็นอาคารสูง คอนโดมิเนียม โดยเชื่อว่าครึ่งปีหลังน่าจะดีขึ้น เพราะตลาดหุ้นดีอย่างนี้มีคนลงทุนแน่นอน
สำหรับผลประกอบการของบริษัทในไตรมาส 2/50 คาดว่าจะต่ำกว่าไตรมาส 1/50 เพราะเป็นช่วงที่ฝนตกมากและวันหยุดก็มีมากกว่าเช่นกัน แต่ก็ยังมั่นใจว่ารายได้ทั้งปีจะได้ตามเป้าที่ 2.6 พันล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทฯ เพิ่งได้รับงานก่อสร้างเสาเข็มเจาะ, กำแพงกันดินและงานปรับปรุงดินอ่อนโครงการใหม่จำนวน 9 โครงการ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 149.87 ล้าน บาท
ราคาหุ้น SEAFCO ขณะนี้เคลื่อนไหว 9.60 บาท บวก 0.10 บาท (+1.05%) โดยราคาขึ้นไปสูงสุดที่ 9.65 บาท ซึ่งสูงสุดนับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--