แหล่งข่าวจาก บมจ.เอสวีไอ(SVI) ระบุแผนสร้างโรงงานแห่งใหม่อาจต้องเลื่อนเป็นต้นปีหน้าเพื่อหาแนวทางที่ดีที่สุดและรอดูมาตรการส่งเสริมของรัฐ ขณะที่การเจรจากับพันธมิตรที่จะดึงมาร่วมสร้างยังไม่ได้ข้อสรุป ส่วนการหาผู้ร่วมทุนใหม่มาซื้อหุ้นจากกองทุน H&Q ผู้ถือหุ้นใหญ่ตามแผนเพิ่มสภาพคล่องหุ้น อยู่ระหว่างเจรจากองทุนจากฮ่องกงเพิ่มอีก 4-5 รายที่แสดงความสนใจเข้ามา นอกเหนือจากกองทุนกว่า 10 รายที่เจรจาไว้ก่อนหน้านี้ แต่ยังไม่ปักใจเลือกรายใด
สำหรับผลประกอบการในปีนี้ มั่นใจไม่ได้รับผลกระทบจากบาทแข็งค่าแม้จะส่งออกกว่า 90% เพราะด้านหนึ่งมีรายจ่ายเป็นดอลลาร์และทำประกันความเสี่ยงไว้เต็มที่ เชื่อว่าจะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ได้ที่ 9-9.5% ตามมาตรฐาน และน่าจะทำรายได้ตามเป้า 150-155 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยคาดว่าไตรมาส 2/50 รายได้จะออกมาสูงกว่าไตรมาส 1/50 เล็กน้อย และน่าจะ peak ในช่วงไตรมาส 3/50 ตามฤดูกาลขายปกติเหมือนทุกปี
ส่วนปี 51 คาดรายได้เพิ่มแตะ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังขยายกำลังการผลิตรองรับลูกค้าใหม่เพิ่มอีก 3 ราย
*คาดโรงงาน SV4 เลื่อนไปต้นปีหน้า
แหล่งข่าว SVI เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า การเจรจาหาพันธมิตรมาสร้างโรงงานแห่งใหม่หรือ SVI 4 นั้นยังไม่ได้ข้อสรุปสุดท้าย ซึ่งอาจทำให้ต้องเลื่อนไปสร้างในต้นปีหน้า เพราะคงสร้างไม่ทันในปีนี้ เพื่อเลือกแนวทางที่ดีที่สุด โดยจะยังเน้นสถานที่ตั้งโรงงานในประเทศไทย
"การสร้างโรงงานแห่งใหม่ปีนี้ไม่น่าจะทัน แต่อาจจะเป็นต้นปีหน้า ซึ่งต้องดูว่าทางเลือกไหนที่เหมาะสมที่สุด ก่อนหน้านี้คิดว่าจะดูที่ต่างประเทศหรือไม่ ซึ่งก็ต้องรอในเรื่องมาตรการของทางรัฐบาลว่าจะเอื้ออำนวยสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง ซึ่งก็เป็นอีกทางหนึ่ง แต่ ณ ตอนนี้ยังโฟกัสอยู่ในประเทศก่อน ส่วนพันธมิตรที่เจรจาดูทั้งในและต่างประเทศ"แหล่งข่าว กล่าว
แผนงานโรงงานใหม่ยังมีหลายทางเลือก โดยทางแรก อาจซื้อโรงงานขนาดใหญ่ใกล้โรงงานที่ 2 ที่บางกระดี ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือนที่จะเริ่มผลิตได้ ทางเลือกที่ 2 อาจซื้อโรงงานราคาแพงขึ้นมาอีกเล็กน้อยบริเวณใกล้เคียงกับโรงงาน 2 คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 9-12 เดือนจึงเริ่มผลิต และทางเลือกที่ 3 ซื้อที่ดินใหม่เพื่อก่อสร้างโรงงานเองซึ่งใช้เวลานานขึ้นมาประมาณ 2 ปีครึ่ง ซึ่งขณะนี้ยังไม่สรุปว่าจะใช้แนวทางใด
ทั้งนี้ งบลงทุนในการขยายโรงงานแห่งใหม่อยู่ที่ 350 ล้านบาท เป็นเงินจากการใช้สิทธิแปลงวอแรนต์เป็นหุ้นสามัญ (SVI-W2)
"เงินจะได้มาจากการที่ออกวอแรนต์ 2 ไป อย่างไรก็ตาม กระแสเงินสดเราดีถ้าวอแรนต์มาเสริมสภาพคล่องได้ก็ไม่จำเป็นต้องใช้เงินกู้ พยายามจะไม่สร้างหนี้เยอะ"แหล่งข่าว กล่าว
SVI-W2 มีจำนวน 35,872,808 หน่วย
*เร่งเจรจานักลงทุนต่างชาติ 4 รายใหม่ ซื้อหุ้นจากกองทุน H&Q ที่จะลดสัดส่วน
แหล่งข่าว กล่าวว่า เมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมาบริษัทได้ไปโรดโชว์ที่ฮ่องกง เพื่อพิจารณาผู้ที่จะมาซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ SVI คือ กองทุน H&Q ที่ปัจจุบันถือในสัดส่วน 70.8% และต้องการทยอยลดสัดส่วนหุ้นลงเพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับหุ้น SVI ในตลาดหลักทรัพย์ โดยอาจทยอยขายหุ้นออกมาเพื่อทำกำไรบ้าง
"เดือนมิ.ย.ที่ผ่านมาคุยกับฮ่องกงประมาณ 4-5 ราย และเมื่อปลายปีที่แล้วคุยไว้แล้วอีกร่วม 10 ราย จากหลายๆแห่งแต่ยังไม่โดนใจ"แหล่งข่าว กล่าว
ทั้งนี้ ทางผู้บริหารจะช่วยคัดเลือกผู้ที่จะเข้ามาซื้อหุ้นว่ามีความน่าเชื่อถือหรือไม่ หรือเป็นผู้ที่อยู่ในวงการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์หรือไม่ รวมถึงแนวโน้มที่จะเข้ามามีส่วนในการบริหาร แต่ที่ผ่านมาทางกองทุน H&Q ไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้องในการบริหารงานอยู่แล้ว
*คาดปี 50 รายได้ตามเป้า 150 ล้านดอลล์,Peak ใน Q3/50
แหล่งข่าว กล่าวถึงผลประกอบการของบริษัทในปีนี้ว่า เป้ารายได้ทั้งปี 50 ที่ตั้งไว้ประมาณ 150-155 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คาดว่าน่าจะได้ตามเป้าไม่น่าคลาดเคลื่อน แม้ว่าเงินบาทจะแข็งค่าและสินค้าส่วนใหญ่ส่งออกกว่า 90% แต่บริษัทไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากมีรายจ่ายเป็นเงินดอลลาร์และได้ทำประกันความเสี่ยงไว้แล้ว เชื่อว่าจะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ได้ที่ 9-9.5%
"รายจ่ายกับรายรับเป็นดอลลาร์เหมือนกันจึงออพเซ็ตกัน ประเด็นที่ 2 มีการบริหารความเสี่ยงในเรื่องของการเงินโดยการซื้อ Forward Exchange ช่วยได้อีกทางซึ่งทำมาตลอด เพราะฉะนั้นที่บอกว่าบาทแข็งมีผลกระทบต่อผู้ส่งออก SVI จะไม่ได้อยู่ในกลุ่มนั้น เพราะกลุ่มที่มีผลกระทบคือกลุ่มที่มีรายจ่ายซื้อวัตถุดิบเป็นเงินบาท รายรับเป็นดอลลาร์ พวกนี้จะได้รับผลกระทบหนัก"
แหล่งข่าว กล่าว
"ราคาหุ้นในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กฯจะปรับลงตามกลุ่มส่งออกก็จริง แต่ SVI เมื่องบไตรมาส 2/50 ออกคงจะมีอะไรที่ฟ้าสว่างมากขึ้น งบจะพิสูจน์เอง"แหล่งข่าว กล่าว
ทั้งนี้ ในไตรมาส 2/50 คาดว่ารายได้จะดีขึ้นจากไตรมาส 1/50 โดยคาดว่าจะมีรายได้ใกล้ๆ 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จาก 35.83 ล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาส 1/50 และในด้านกำไรสุทธิก็คงจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ขณะที่รายได้ในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะออกมาสูงกว่าครึ่งปีแรก โดยรายได้ของบริษัทตามปกติจะสูงสุดในช่วงไตรมาส 3 ตามฤดูกาลขายปกติ
"รายได้ไตรมาส 2 ดีกว่าไตรมาส 1 แน่นอน แต่ไม่เยอะมาก...รายได้จะไปพุ่งในครึ่งปีหลังเพราะไตรมาส 3 ของเราปกติจะสูงที่สุด"แหล่งข่าว กล่าว
ปี 49 SVI มีรายได้ 5,158.98 ล้านบาท กำไรสุทธิ 294.57 ล้านบาท ขณะที่ Q1/50 รายได้อยู่ที่ 1,283.68 ล้านบาท กำไรสุทธิ 74.93 ล้านบาท
*ปี 51 ตั้งเป้ายอดขาย 200 ล้านดอลล์
แหล่งข่าว กล่าวว่า ในปี 51 บริษัทตั้งเป้ายอดขายที่ประมาณ 200 ดอลลาร์สหรัฐ หลังจากขยายกำลังการผลิตรองรับลูกค้าใหม่ที่เพิ่มเข้ามาอีก 3 ราย รวมถึงลูกค้าเก่าที่ขณะนี้ผลิตไม่ทันออร์เดอร์ที่เข้ามา
ปัจจุบัน SVI มีโรงงาน 3 โรง คือ SVI1 ที่แจ้งวัฒนะ จ.นนทบุรี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมขยายไลน์การผลิตเพื่อเพิ่มกำลังผลิตเป็น 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ/ปี จาก 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ/ปี โดยตามแผนจะดำเนินการในปีนี้ แต่ก็อาจจะต้องเลยไปถึงปีหน้า
"เป็นการดำเนินการเบื้องต้นแต่เครื่องจักรยังไม่มา เพิ่มกำลังผลิตเพื่อรองรับออเดอร์ที่เพิ่มขึ้นจากลูกค้ารายใหม่ โดยลูกค้ารายหลักจะอยู่ในส่วน Industrial Control และ Office Automation"แหล่งข่าว กล่าว
ส่วนโรงงาน SVI2 ที่บางกระดี จ.ปทุมธานี มีกำลังการผลิต 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐ/ปี ขณะนี้เต็มกำลังผลิตแล้ว และ โรงงาน SVI3 ที่ประเทศจีน มีกำลังการผลิต 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ/ต่อปี เพิ่งเริ่มผลิตเมื่อปีที่ผ่านมา
--อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--