นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า แนวโน้มดัชนีหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสรีบาวด์ ขานรับปัจจัยบวกจากภายในประเทศ จากการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ชุดใหญ่ในวันนี้ ซึ่งจะพิจารณาผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ ระยะ 2 หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในไทยดีขึ้น โดยตลาดคาดหวังการผ่อนปรนเปิดธุรกิจขนาดใหญ่ อย่างศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหารขนาดใหญ่ ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ และจะส่งผลดีต่อกำไรของบจ.ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ด้วย
นอกจากนี้ปัจจัยจากต่างประเทศที่ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น น่าจะช่วยหนุนการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีด้วย ขณะที่การกลับมาเปิดเศรษฐกิจของหลายประเทศ ทำให้การเดินทางหรือภาคการผลิตดีขึ้น ก็จะทำให้เกิดการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามยังต้องระมัดระวังเรื่องความผันผวนของราคาน้ำมันที่น่าจะยังคงมีอยู่ แม้จะเชื่อว่าสถานการณ์ราคาได้ผ่านจุดต่ำไปแล้วก็ตาม
ขณะเดียวกันยังต้องติดตามประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ได้ทวีตข้อความโจมตีจีนกรณีสถานการณ์โควิด-19 โดยอาจจะนำมาซึ่งสงครามการค้ารอบใหม่ รวมถึงต้องติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในต่างประเทศว่าจะมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นหรือไม่ หลังจากที่หลายประเทศได้ทยอยคลายล็อกดาวน์มากขึ้น
สำหรับการประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/63 ของบจ.นั้นเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายแล้ว โดยในไตรมาสแรกบจ.ส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 มากนัก และคาดว่าจะได้รับผลกระทบเต็มที่ในไตรมาส 2/63 ซึ่งน่าจะทำให้โบรกเกอร์ยังมีโอกาสที่จะปรับลดประมาณการกำไรของบจ.ได้อีก อย่างไรก็ตามระยะสั้นวันนี้หุ้นในกลุ่มค้าปลีก และพลังงาน น่าจะเป็นตัวช่วยหนุนตลาดจากความคาดหวังเรื่องการกลับมาเปิดเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของไทย
พร้อมให้แนวรับที่ 1,275 และ 1,270 จุด ส่วนแนวต้าน อยู่ที่ 1,290 และ 1,300 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (14 พ.ค.63) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,625.34 จุด เพิ่มขึ้น 377.37 จุด (+1.62%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,852.50 จุด เพิ่มขึ้น 32.50 จุด (+1.15%) ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,943.72 จุด เพิ่มขึ้น 80.56 จุด (+0.91%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 235.01 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 10.37 จุด,ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 4.94 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 52.28 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 12.67 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 13.68 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 6.22 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 4.42 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (14 พ.ค.63) 1,280.40 จุด ลดลง 14.15 จุด (-1.09%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,942.73 ล้านบาท เมื่อวันที่ 14 พ.ค.63
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (14 พ.ค.63) ปิดที่ 27.56 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 2.27 ดอลลาร์ หรือ 9%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (14 พ.ค.) อยู่ที่ -3.34 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.09 แนวโน้มทรงตัว รอติดตามผลสรุปคลายล็อกดาวน์ระยะที่ 2 จากศบค.
- พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.)ก่อนที่ทีมโฆษก ศบค. จะแถลงความคืบหน้าของสถานการณ์ในเวลาประมาณ 12.30 น. โดยต้องติดตามผลการประชุม ศบค.อย่างใกล้ชิด หลังคาดการณ์ว่าจะมีการพิจารณาปลดล็อกกิจการบางประเภทให้สามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติ ภายใต้มาตรการด้านสาธารณสุขที่เข้มข้น หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศดีขึ้นต่อเนื่อง
- สบน.เผยประชาชนสนใจจองซื้อพันธบัตรออมทรัพย์ รุ่น "เราไม่ทิ้งกัน" ล้นหลาม เปิดขายวันแรกผู้สูงอายุจองซื้อถึง 2.5 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 50% ของวงเงินที่เปิดให้จองซื้อทั้งหมด 5 หมื่นล้านบาท ผลจากอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าเงินฝาก แจงหากความต้องการซื้อยังมีสูง ขอประเมินผลอีกครั้งจะขยายวงเงินเพิ่มหรือไม่
- "สมคิด" วอนหยุดปล่อยข่าว "การบินไทย" ล้มละลาย ด้าน รมว.คลัง แจงฟื้นฟูกิจการไม่จำเป็นต้องล้มละลาย ชี้ถึงเวลาการบินไทยปรับตัวครั้งใหญ่ ขณะที่การประชุม 4 รัฐมนตรีเมื่อวานนี้มีมติเสนอให้"การบินไทย"ยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลาย เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ ให้ "คลัง"ลดสัดส่วนถือหุ้นพ้นความเป็นรัฐวิสาหกิจ เตรียมชง"นายกฯ-คนร."จันทร์หน้า ก่อนเข้าที่ประชุม ครม.วันอังคารทันที
- "สมคิด" สั่ง"คลัง"เร่งตั้งกองทุนมูลค่า 1 แสนล้านบาท อุ้มเอสเอ็มอีที่ยังเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุนของแบงก์ เหตุยังไม่มีประวัติกู้เงินแบงก์ จึงเข้าถึงแหล่งเงินทุนยาก "อุตตม"เผยแหล่งทุนที่ใช้จัดตั้งกองทุนจะมาจากเงินฟื้นฟู 4 แสนล้านบาท คาดจะมีกรอบที่ชัดเจนก่อนสิ้นเดือน พ.ค.พร้อมขยายความช่วยเหลือสู่กลุ่มบริษัทที่ยังพยายามรักษาการจ้างงาน โดยครอบคลุมถึงกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว 8 บริษัทสายการบินด้วย พร้อมยอมรับตัวเลขจีดีพีไตรมาสแรกติดลบแน่จากพิษโควิด-19
- ธนาคารออมสิน เปิดขายสลากดิจิทัล 1 ปี วงเงิน 2.5 หมื่นล้านบาท หน่วยละ 20 บาท ชูดอกเบี้ยและเงินรางวัลได้รับการยกเว้นภาษี ด้าน "กองสลาก" เคาะ เวลาจองคิวขึ้นรางวัล 00.01 น. วันที่ 17 พ.ค.นี้
- โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ส.อ.ท.เปิดเผยว่า ขณะนี้ค่ายรถยนต์ในประเทศกำลังปรับตัว เริ่มลดพนักงานให้สอดรับกับการผลิตรถยนต์ และยอดขายที่ลดลงทั้งในประเทศและส่งออกต่างประเทศ ซึ่งจะมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับสถานการณ์โควิด-19 ทั้งไทยและทั่วโลกว่า จะยืดเยื้อมากน้อยเพียงใด โดยปัจจุบันอุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถยนต์ รวมถึงตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ หรือดีลเลอร์ มีแรงงานรวมกว่า 755,000 คน
- กสทช.อยู่ระหว่างร่างประกาศขยายเวลาการชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตรายปีให้ผู้ประกอบการโทรคมนาคมและผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลโดยจะขยายเวลาการชำระออกไป 66 วัน ซึ่งเป็นไปตามประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพื่อแบ่งเบาภาระผู้ประกอบการ โดยในส่วนของทีวีดิจิทัลนั้นจะขยายให้ทั้งหมด 66 วัน เนื่องจากเป็นจำนวนเงินไม่มาก ขณะที่ผู้ประกอบการโทรคมนาคมนั้นจะให้ผ่อนชำระเป็น 2 งวด งวดละ 50% เนื่องจากเป็นจำนวนเงินที่มากกว่า ซึ่งแต่ละค่ายมือถือต้องจ่ายค่าธรรมเนียมรายปีราว 1,000-1,500 ล้านบาท
*หุ้นเด่นวันนี้
- PTTGC (กรุงศรี) แนะ"ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 50 บาท ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว ราคาน้ำมันดิบดูไบที่ระดับ 28-30 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ในปัจจุบันจะทำให้ธุรกิจโรงกลั่นพลิกมีกำไรจากสต็อกน้ำมันดิบแล้วใน Q2/63 นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นยังเป็น Sentiment บวกกับธุรกิจปิโตรเคมี เพราะ PTTGC จะได้เปรียบต้นทุนเมื่อเทียบกับคู่แข่งเพราะ PTTGC ใช้ก๊าซฯเป็นวัตถุดิบราคาจะปรับขึ้นช้ากว่าแนฟทาซึ่งราคาจะปรับขึ้นตามราคาน้ำมันทันที
- MEGA (เคทีบีฯ) แนะ"ซื้อ" ราคาป้าหมาย 35 บาท หลังรายงานกำไรสุทธิ Q1/63 อยู่ที่ 320 ล้านบาท (+26%YoY, -16%QoQ) ใกล้เคียงตลาดและเคทีบีฯคาด ผลประกอบการขยายตัวโดดเด่น YoY จาก 1) รายได้รวมขยายตัว +19% YoY, 2) gross profit margin ที่ 38.1% ลดลงทั้ง YoY, QoQ จากสัดส่วนรายได้ของ Distribution business ที่เพิ่มขึ้น และ 3) SG&A to total sales ลดลง YoY สำหรับผลประกอบการที่ลดลง QoQ เป็นไปตามฤดูกาล โดยยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 63 ที่ 1,260 ล้านบาท (+11% YoY) จากกำไร Q1/63 มีสัดส่วนที่ 25% ของประมาณการปี 63
- ICHI (ฟินันเซีย ไซรัส) แนะ"ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 6.80 บาท หลังกำไรสุทธิ Q1/63 ดีกว่าคาด 20% สูงสุดในรอบ 16 ไตรมาสที่ 159 ล้านบาท +71% Q-Q, +40% Y-Y เพราะลดค่าโฆษณาและโปรโมชั่น กำไร Q2/63 จะชะลอก่อนจะฟื้นใน H2/63 จากสินค้าใหม่ (PH Plus 8.5) และวัตถุดิบถูกลงตามราคาน้ำมันดิบ