นายบุญชัย ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซาบีน่า (SABINA) เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 2/63 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่บริษัทได้รับผลกระทบจากการปิดห้างสรรพสินค้า แต่ก็ยังสามารถสร้างยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ที่คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง หลังจากในเดือน เม.ย. บริษัทได้ออกสินค้าใหม่ในคอลเลคชั่น ThaiFruit เป็นชุดชั้นในลวดลายผลไม้สีสันสดใสต้อนรับช่วงซัมเมอร์ โดยมีหน้ากากผ้าลวดลายเดียวกันออกมาวางจำหน่าย เน้นเจาะลูกค้ากลุ่มวัยรุ่น
และในเดือน พ.ค. บริษัทยังได้วางจำหน่ายหน้ากากผ้า Triple Mask (ทริปเพิ้ล มาส์ก) ที่มีคุณสมบัติป้องกันฝุ่นและแบคทีเรีย ออกมาทำตลาดในช่องทางออนไลน์เช่นกัน ทำให้บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถรักษาตัวเลขกำไรสุทธิในไตรมาส 2/63 ไว้ได้ และคาดว่าผลประกอบการจะกลับมาฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งอีกครั้งในช่วงไตรมาส 3/63
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1/63 บริษัทมีกำไรสุทธิ 70.44 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส 1/62 คิดเป็น 26.05% ขณะที่รายได้จากการขายอยู่ที่ 672.44 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 12.66% และอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) อยู่ที่ 10.3% ลดลงจาก 12.3% จากไตรมาสแรก 1/62
ปัจจัยหลักที่ทำให้กำไรสุทธิและรายได้จากการขายลดลงนั้น มาจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้รัฐบาลสั่งปิดห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศเพื่อระงับการแพร่ระบาดตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา ทำให้รายได้ช่องทางค้าปลีก (Retail) ผ่านเคาน์เตอร์และซาบีน่า ช็อปในห้างสรรพสินค้า ซึ่งเป็นช่องทางหลักได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง
แม้ว่ารายได้จากช่องทางรีเทลจะหายไป แต่ซาบีน่ายังสร้างการเติบโตผ่านยอดขายในช่องทาง Non Store Retailing (NSR) ทั้งออนไลน์ ทีวี และอื่นๆ ที่ยังเติบโตเพิ่มขึ้นได้ 9% หลังจากบริษัทปรับกลยุทธ์ให้ขายสินค้าผ่านทางโซเชียลให้มากขึ้น รวมถึงจัดกิจกรรมผ่านทางเฟซบุ๊คไลฟ์บ่อยขึ้น ขณะที่แคมเปญ "ตัวห่าง แต่นมชิด"ที่เกาะกระแส Social Distancing เว้นระยะห่างระหว่างกัน สามารถสร้างกระแสฟีเวอร์ในโลกออนไลน์ ทำให้ยอดขายออนไลน์เติบโตได้ในระดับที่น่าพอใจ
เช่นเดียวกับรายได้จากการส่งออก (Export) สินค้าแบรนด์ "ซาบีน่า" ไปยังประเทศในกลุ่ม CLMV เติบโตจากไตรมาสแรกของปีก่อน 31% เนื่องจากประเทศในกลุ่มนี้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ช้ากว่าประเทศไทย ทำให้ในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ยังมียอดสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่วนช่องทางการรับผลิต (OEM) ให้กับลูกค้าในแถบยุโรป ลดลง 14.1% ซึ่งเป็นผลจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SABINA กล่าวด้วยว่า การที่บริษัทยังสามารถรักษาผลกำไรไว้ได้ในภาวะที่ยากลำบากเช่นนี้ ถือว่าเป็นผลงานที่น่าพอใจ ซึ่งปัจจัยสนับสนุนอีกประการมาจากในช่วงต้นเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ฝ่ายบริหารได้ร่วมกันประเมินสัญญาณผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และพบว่าอาจจะส่งผลรุนแรงกว่าที่คาด ทำให้บริษัทฯ ตัดสินใจรื้องบประมาณใหม่ เพื่อหาแนวทางในการควบคุมต้นทุนด้านต่างๆ ส่งผลให้ในไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทสามารถลดค่าใช้จ่ายไปได้ถึง 10% โดยไม่มีการปิดโรงงาน ไม่มีการปลดพนักงานและไม่มีการลดเงินเดือน เพราะการดูแลพนักงานให้รอดพ้นจากภาวะวิกฤติถือเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญของซาบีน่า
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังใช้ช่วงเวลานี้ในการฝึกทักษะต่างๆ ให้กับพนักงาน ทั้งงานด้านการขาย และการผลิต โดยซาบีน่าได้ตัดสินใจเปิดไลน์ผลิตหน้ากากผ้า เพื่อให้พนักงานมีงานทำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจนถึงตอนนี้บริษัทฯ มีคำสั่งผลิตหน้ากากผ้าแล้วกว่า 5 ล้านชิ้นจากองค์กรชั้นนำต่างๆ โดยแผนการผลิตถูกวางไปจนถึงเดือนมิถุนายน