ASAP รักษาการเติบโตต่อเนื่องใน Q2/63 -ปรับแผนลงทุนลดซื้อรถใหม่ พร้อมเร่งลดต้นทุนค่าใช้จ่าย 7-8%

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday May 15, 2020 12:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ASAP รักษาการเติบโตต่อเนื่องใน Q2/63 -ปรับแผนลงทุนลดซื้อรถใหม่ พร้อมเร่งลดต้นทุนค่าใช้จ่าย 7-8%

นายทรงวิทย์ ฐิติปุญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซินเนอร์เจติค ออโต้ เพอร์ฟอร์มานซ์ (ASAP) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/63 บริษัทยังรักษาอัตราการเติบโตที่ดีได้ตามแผนงาน โดยมีรายได้จากการขายและการบริการ จำนวน 844.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 743.08 ล้านบาท ปัจจัยการเติบโตมาจากกลุ่มธุรกิจรถยนต์ให้เช่าระยะยาวภายใต้แบรนด์ asap ที่มีสัดส่วนรายได้คิดเป็นกว่า 80-90% ของรายได้ทั้งหมด โดยได้รับความไว้วางใจใช้บริการจากฐานลูกค้าเดิม ซึ่งช่วยสร้างความมั่นคงของรายได้ประจำและสม่ำเสมอให้แก่บริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง

ขณะที่รถยนต์ให้เช่าะยะสั้น รถยนต์ให้เช่าพร้อมคนขับ และรถยนต์ให้เช่าคิดค่าบริการตามจริง (asap GO) ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ในช่วงครึ่งเดือนหลังของเดือน มี.ค.จึงไม่ส่งผลกระทบช่วงไตรมาสแรกมากนัก นอกจากนี้ บริษัทยังสามารถบริหารต้นทุนทางการเงินจากการบันทึกค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยและค่าเสื่อมราคาตามมาตรฐานทางบัญชีที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ช่วยสนับสนุนกำไรสุทธิฟื้นตัวในทิศทางที่ดีขึ้น

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ASAP กล่าวว่า ทิศทางในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทพยายามรักษาอัตราเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากแผนดำเนินงานไตรมาส 2/63 บริษัทประเมินว่ากลุ่มธุรกิจรถยนต์ให้เช่าระยะยาวยังเป็นธุรกิจแข็งแรง โดยลูกค้าหลายรายได้ต่อสัญญาใช้บริการแล้ว ส่งผลให้รถยนต์ที่ครบสัญญาเช่าในปีนี้ที่คาดว่าจะนำมาจำหน่ายเป็นรถยนต์มือสองลดลงเหลือประมาณ 2,000 คัน จึงปรับแผนลงทุนซื้อรถยนต์ใหม่เข้าพอร์ตเพียง 2,000 คัน ให้สอดคล้องกับธุรกิจและช่วยลดต้นทุนทางการเงินได้อีกส่วนหนึ่ง

นอกจากนี้ บริษัทยังเร่งบริหารจัดการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายทุกด้าน เพื่อรับมือกับความเสี่ยงจากธุรกิจรถยนต์ให้เช่าระยะสั้นที่คิดเป็น 7-8% ของรายได้ ซึ่งได้รับผลกระทบจากการปิดให้บริการของสนามบิน อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีการให้บริการรถยนต์ให้เช่าระยะสั้น และเป็นจุดจำหน่ายรถยนต์มือสองผ่านแฟรนไชส์ asap Select เพิ่มเติมจากการจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ แม้ว่าปัจจุบันราคารถยนต์มือสองมีความผันผวนสูงจากปัจจัยลบที่เกิดขึ้น แต่เชื่อว่าสถานการณ์ต่างๆ จะกลับมาเป็นปกติได้ในครึ่งปีหลังของปีนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ