BCPG เผยโครงการลมลิกอร์ ได้รับเงินกู้สนับสนุนจากเอดีบี-กองทุนเพื่อเทคโนโลยีสะอาด-KBANK รวม 616.1 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday May 18, 2020 10:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บีซีพีจี (BCPG) เปิดเผยว่า ธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) และบีซีพีจี ร่วมลงนามสัญญาเงินกู้โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม "ลมลิกอร์" บริษัทในเครือ ของบีซีพีจี ขนาดกำลังการผลิต 10 เมกะวัตต์ (MW)

ทั้งนี้ วงเงินกู้ดังกล่าวจำนวนรวมทั้งสิ้นประมาณ 616.1 ล้านบาท เป็นการสนับสนุนร่วมกันระหว่าง ธนาคารพัฒนาเอเชีย ในวงเงินประมาณ 235.6 ล้านบาท กองทุนเพื่อเทคโนโลยีสะอาด (Clean Technology Fund) ซึ่งอยู่ภายใต้กองทุนเพื่อการลงทุนด้านภูมิอากาศ (Climate Investment Funds) ในวงเงินประมาณ 144.9 ล้านบาท และธนาคารกสิกรไทย ในวงเงินประมาณ 235.6 ล้านบาท ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการสนับสนุนโครงการที่ช่วยลดมลภาวะทางอากาศ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และประยุกต์ใช้นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน

สำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานลม "ลมลิกอร์" ตั้งอยู่ที่ อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นโครงการนำร่องภาคเอกชนรายแรกในประเทศไทยที่นำระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage System) ขนาด 1.88 เมกะวัตต์ชั่วโมง มาใช้เพื่อทำให้ระบบโครงข่ายไฟฟ้ามีเสถียรภาพมากขึ้น โดยระบบนี้จะทำหน้าที่กักเก็บพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้เกินความต้องการ และนำมาใช้เมื่อมีความจำเป็นในเวลาที่เหมาะสม ส่งผลให้ชุมชนมีไฟฟ้าที่เพียงพอต่อความต้องการ ส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศ

โครงการนี้เป็น 1 ใน 4 โครงการของบีซีพีจี ที่ได้รับคัดเลือกจากสำนักงานกำกับดูแลกิจการพลังงาน (กกพ.) ให้เข้าร่วมโครงการทดสอบนวัตกรรมที่นำเทคโนโลยีสนับสนุนให้บริการด้านพลังงาน (ERC sandbox) เพื่อเป็นต้นแบบสำหรับการนำระบบบริหารจัดการพลังงาน (Energy Management System) มาใช้กับพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานลมต่อไป

นายบัณฑิต กล่าวว่า การที่โครงการพลังงานลม "ลมลิกอร์" ได้ลงนามสัญญาอนุมัติเงินกู้กับ ธนาคารพัฒนาเอเชีย และ ธนาคารกสิกรไทย ในครั้งนี้ทำให้บริษัทสามารถบริหารเงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพ มีเม็ดเงินเพื่อไปลงทุน และสร้างโอกาสในการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต ซึ่งเป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยโครงการลมลิกอร์จะมีส่วนช่วยเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าที่มาจากพลังงานหมุนเวียนให้แก่ระบบไฟฟ้าภายในประเทศอย่างน้อย 14,870 เมกะวัตต์ ต่อปี เทียบเท่ากับการลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศ 6,263 ตัน ตลอดทั้งปี 2563

"นวัตกรรมระบบบริหารจัดการพลังงาน (Energy Management System) นอกจากจะช่วยให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) แล้ว ยังสามารถใช้เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ของการบริหารจัดการระบบการสำรองไฟฟ้าของประเทศไทยได้อีกด้วย" นายบัณฑิต กล่าว

บีซีพีจี ในฐานะบริษัทฯ ผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนชั้นนำของภูมิภาคเอเชีย มีนโยบายในการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการนำนวัตกรรมมาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการการใช้พลังงานของผู้บริโภคและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในทุกภาคส่วน เอี้อประโยชน์ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของพลังงานมากขึ้น ภายใต้แนวคิด Democratization of Energy


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ