นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นทดสอบด่าน 1,300 จุด เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้สดใสบวกกันราว 1-2% เช่นเดียวกับตลาดในสหรัฐฯที่ปรับตัวขึ้น 900 จุดเมื่อคืนที่ผ่านมา รับปัจจัยบวกจากสหรัฐฯคืบหน้าในการผลิตวัคซีนที่มีประสิทธิภาพต้านไวรัสโควิด-19 ได้ และตลาดในยุโรปก็บวกเฉลี่ย 5% ขานรับเยอรมนีและฝรั่งเศสเรียกร้องให้มีการจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูยุโรปวงเงิน 5 แสนล้านยูโร (5.44 แสนล้านดอลลาร์) เพื่อช่วยยูโรโซนในการฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด-19
นอกจากนี้ คาดว่าวันนี้หุ้นในกลุ่มพลังงาน และกลุ่มปิโตรเคมี จะขึ้นนำตลาดฯ ขานรับราคาน้ำมันที่พุ่งแรงเกือบ 10% ตอบรับมาตรการผ่อนปรนของนานาประเทศ ทำให้คาดความต้องการใช้(Demand) น้ำมันจะสูงขึ้น และทางซาอุดีอาระเบียก็ได้เพิ่มการลดกำลังการผลิตน้ำมันอีกกว่า 1 ล้านบาร์เรล/วัน ทำให้ซาอุดีอาระเบียคงเหลือกำลังการผลิตน้ำมัน 7.5 ล้านบาร์เรล/วัน จากเดิมที่เคยผลิต 9-10 ล้านบาร์เรล/วัน
อย่างไรก็ดี บ้านเราวันนี้ให้ติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในประเด็นการฟื้นฟูบมจ.การบินไทย (THAI) พร้อมให้แนวรับ 1,280-1,275 จุด ส่วนแนวต้าน 1,300-1,310 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (18 พ.ค.63) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,597.37 จุด พุ่งขึ้น 911.95 จุด (+3.85%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,953.91 จุด เพิ่มขึ้น 90.21 จุด (+3.15%) ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,234.83 จุด เพิ่มขึ้น 220.27 จุด (+2.44%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 335.79 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 22.27 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 554.78 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 72.24 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 40.36 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 44.26 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 9.61 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 64.24 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (18 พ.ค.63) 1,286.53 จุด เพิ่มขึ้น 5.77 จุด (+0.45%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,085.99 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 พ.ค.63
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (18 พ.ค.63) ปิดที่ 31.82 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 2.39 ดอลลาร์ หรือ 8.1%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (18 พ.ค.) อยู่ที่ -1.79 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิดหลุด 32 มาที่ 31.95/98 แข็งค่าจากวานนี้ตามทิศทางภูมิภาค จับตาประชุมกนง.พรุ่งนี้
- คนร.เคาะการบินไทย ยื่นศาลขอฟื้นฟูกิจการ ชง ครม.อนุมัติวันนี้ เผยคลังจ่อขายหุ้น 3% ให้กองทุนวายุภักษ์ ขาดทุน 654 ล้านบาท เล็งปรับบอร์ดใหม่ 3 คน ดึง "เทวินทร์-ชาติชาย-จรัมพร" เสริมทัพ ล้มแผนตั้งโฮลดิ้ง ยื่นศาลล้มละลาย คู่ขนานไทย-สหรัฐ
- สศช.เผยจีดีพีไตรมาส 1 หดตัว 1.8% ติดลบครั้งแรกรอบ 6 ปี ภาคท่องเที่ยวกระทบหนักรายได้หด 40% หั่นประมาณการทั้งปีลบ 5.5% พร้อมประเมินเศรษฐกิจฟื้นตัวรูป "ยูเชฟ" ชี้เงื่อนไขสำคัญคุมโควิดไม่ให้ระบาดรอบ 2 แนะรัฐรอบคอบผ่อนปรนเปิดกิจการ เร่งเบิกจ่ายงบพยุงเศรษฐกิจในประเทศ
- แบงก์ชาติ เผยสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ไตรมาสแรกโต 4.1% สวนทางภาวะเศรษฐกิจ เหตุภาคธุรกิจหันพึ่งเงินกู้จากแบงก์แทนการออกหุ้นกู้ หลังตลาดเงินผันผวนหนัก ขณะ "เอ็นพีแอล" พุ่งแตะ 3.05% มั่นใจฐานะแบงก์ยังแกร่ง สะท้อนผ่านเงินกองทุนสำรองที่อยู่ระดับสูง
- ตลาดตราสารหนี้ไทย เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ หลังทุกส่วนเร่งฟื้นความเชื่อมั่น โดยเฉพาะการจัดตั้งกองทุนเพื่อรักษาสภาพคล่องของการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ (BSF) โดยเริ่มเห็นภาคเอกชนออกและเสนอขายหุ้นกู้อย่างคึกคัก
- นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ว่า จากแนวโน้มราคาแอลพีจี ตลาดโลกเดือนพฤษภาคม 450 เหรียญสหรัฐต่อตัน และมีแนวโน้มผันผวนสูง ที่ประชุมจึงเห็นชอบขยายเพดานวงเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงบัญชีแอลพีจีให้สามารถติดลบจากเดิมที่กำหนดไว้ไม่เกิน 7,000 ล้านบาท เป็นไม่เกิน 10,000 ล้านบาทเพื่อลดค่าครองชีพช่วงผลกระทบโควิด-19 ปัจุบันเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสุทธิ 35,176 ล้านบาท เป็นบัญชีน้ำมันฯ 41,358 ล้านบาท
- สมาคมผู้ค้าปลีกไทย คาดไตรมาส 2 ติดลบหนักถึง 20-50% ชี้สถานการณ์จะปรับตัวดีขึ้นต้องใช้เวลา 8-24 เดือน พร้อมเสนอภาครัฐพิจารณามาตรการภาษี กระตุ้นการจับจ่าย
*หุ้นเด่นวันนี้
- DOHOME (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 10 บาท หุ้น Home improvement ปรับขึ้นโดดเด่นวานนี้หลังห้างเปิด ในจำนวนหุ้นทั้ง 3 ตัว DOHOME มี PE ต่ำสุด 23 เท่า ขณะที่ GLOBAL 29 เท่าและ HMPRO 40 เท่า แม้กำไร Q2/63 จะทรุดลงเป็นจุดต่ำสุดของปีจากการปิดสาขาขนาดใหญ่ 8 แห่งและขนาดเล็ก 6 แห่งตั้งแต่ปลาย มี.ค. และทยอยเปิดราว 10 สาขาต้น พ.ค. คาดกำไรทั้งปีทำได้ 650-670 ลบ. ลดลง 8-10% Y-Y ดีกว่า HMPRO แต่สู้ GLOBAL ไม่ได้ ส่วนการเพิ่มสัดส่วน House brand จะช่วยเพิ่มมาร์จิ้นและทำให้กำไรเติบโตได้ในระยะต่อไป
- PTTEP (กรุงศรี) "ซื้อเก็งกำไร"เป้าสูงสุด IAA Consensus 100 บาท ได้ Sentiment บวกโดยตรงจากราคาน้ำมันดิบบวกแรง ขณะเดียวกัน PTTEP เป็นบริษัทเดียวในเครือ ปตท. ที่ราคาหุ้นยังไม่ได้ปรับขึ้นไปปิด Gap ที่เกิดจากการทำสงครามราคา (Price war) ระหว่างซาอุฯ รัสเซียและ สหรัฐ เมื่อวันที่ 8 มี.ค.2563 ที่ผ่านมา