หุ้น ERW ราคาชนซีลลิ่ง 14.29% มาอยู่ที่ 2.88 บาท เพิ่มขึ้น 0.36 บาท มูลค่าซื้อขาย 114.26 ล้านบาท เมื่อเวลา 11.23 น. โดยเปิดตลาดที่ 2.70 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 2.88 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 2.66 บาท
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อเก็งกำไร"หุ้น บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป (ERW) ปรับลดราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2563 ที่ 2.90 บาทต่อหุ้น ในเชิงกลยุทธ์ งบดุลแข็งแกร่งเพียงพอที่จะผ่านวิกฤตไปได้และภาพการฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 4/63 ทำให้นักลงทุนอาจอาศัยจังหวะที่ตลาดจะปรับลดประมาณการปี 2563 ลงหลังการประชุมและผลประกอบการไตรมาส 2/63 ที่จะเป็นจุดต่ำสุดของรอบเป็นจังหวะในการทยอยสะสม
พร้อมปรับลดประมาณการ ERW ในปี 2563 เป็นขาดทุนที่ 829 ล้านบาท จากขาดทุน 419 ล้านบาท อิง RevPar ที่ -65% YoY โดยคาด Occ. rate ลดลงเฉลี่ยอยู่ที่ 34% และคาด ARR ลดลง 22%YoY ในปี 2563 ในแง่ของผลประกอบการรายไตรมาส โดยคาดผลประกอบการขาดทุนหนักสุดในไตรมาส 2/63 จากโดนผลกระทบของการปิดโรงแรมเกือบเต็มไตรมาส และคาดทยอยขาดทุนลดลงใน ไตรมาส 3/63 จากการเปิด HOP Inn ในไทยช่วงกลางไตรมาส 2/63 และสามารถกลับมาเปิดโรงแรม Midscale ได้ อิงสมมติฐาน Occ. rate เฉลี่ยในไตรมาส 2-4 ปี 63 ที่ราว 7%, 30%, และ 45% ตามลำดับ คาดกำไรปกติของ ERW จะฟื้นตัวในปี 2564 ที่ 150 ล้านบาท อิงสมมติฐานนักท่องเที่ยวกลับมาราว 50%-60% ของช่วงปกติ
บริษัทมีความเสี่ยงเพิ่มทุนต่ำจาก 1) ณ สิ้นไตรมาส 1/63 มี IBD/E ที่ 1.83x (เทียบกับ 1.71x ในปี 2562) ยังต่ำกว่า Debt Covenant ที่ 2.5x ปัจจุบัน ERW อยู่ระหว่างการขอขยาย Covenant กับทาง Bank และขอเลื่อนหรืองดเว้นการ test ระดับ covenant ในปีนี้ 2) ERW ขอยืดชำระหนี้การจ่ายคืนเงินต้นราว 900 กว่าล้านบาทในปี 2563 โดยธนาคารได้อนุมัติแล้วราว 70% และอีก 30% อยู่ระหว่างดำเนินการ และ 3) ERW มี cash on hand ที่ 1.4 พันล้านบาท รวมถึงมี credit facility ที่ราว 6 พันล้านบาท เพียงพอรองรับช่วง 6 เดือนข้างหน้า
ทั้งนี้ สรุปประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์
1) การระบาดของเชื้อโควิด-19 ส่งผลกระทบในไตรมาส 1/63 โดยเฉพาะเดือนมี.ค. ที่ยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงถึง 76%YoY รวมถึงผลกระทบจากการปิดโรงแรมทั้งในไทยและฟิลิปปินส์
2) แนวโน้มในไตรมาส 2/63 คาดขาดทุนหนักขึ้นทั้ง QoQ และ YoY กดดันจากการปิดโรงแรมในไทยและฟิลิปปินส์ตั้งแต่เดือน มี.ค. ERW ประกาศเปิด Hop Inn จำนวน 20 แห่ง ใน 16 จังหวัดในวันที่ 18 พ.ค. และจะทยอยเพิ่มขึ้น หากไม่ขัดกับนโยบายของภาครัฐ แต่สัดส่วนรายได้ยังต่ำ
3) บริษัทประกาศหยุดการลงทุนเป็นการชั่วคราว พร้อมปรับลดเงินลงทุนในปี 2563 ที่ 1.4 พันล้านบาท เป็นราว 400-600 ล้านบาท และเน้นการบริหารกระแสเงินสดเพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤต
4) บริษัทมีมุมมองการฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง (H2/63) อย่างค่อยเป็นค่อยไป โดย Occ. Rate จะมาจากนักท่องเที่ยวในประเทศเป็นหลัก และคาดจะทยอยเปิดโรงแรม Midscale เพิ่มได้ใน 3Q63 และอาจเปิดโรงแรม Luxury ในไตรมาส 4/63 ได้หากนักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มกลับมา
5) ในประเทศเกาหลีและจีน หลังประเทศคลาย lockdown สามารถเห็น Occ rate กลับมาที่ระดับ 40-50% ได้หนุนจากการท่องเที่ยวระยะสั้นภายในประเทศ โดยกลุ่มนำเป็น Midscale และ Economy เป็นหลัก อย่างไรก็ดี ARR มีแนวโน้มลดลงจากการแข่งขันเพื่อเพิ่มกระแสเงินสด แต่มองว่าเป็นเพียงเหตุการณ์ระยะสั้น