นายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป (MAJOR) กล่าวว่า บริษัทคาดว่าปีนี้จะรับรู้กำไรพิเศษจากการขายกองทุนอสังหาริมทรัพย์เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ไลฟ์สไตล์ (MJLF) ประมาณ 700-750 ล้านบาท ในส่วนของกำไรจากผลการดำเนินงานก็มั่นใจว่าจะเติบโตจากปีก่อน เนื่องจากในไตรมาสแรกก็เติบโตในระดับที่สูง และรายได้ก็เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ที่จะโตเกิน 30%จากปีก่อนที่มีรายได้ 5 พันล้านบาท
สำหรับกองทุนอสังหาฯ MJLF บริษัทมีเป้าหมายขยายขนาดกองทุนอย่างต่อเนื่องโดยคาดว่าปี 2551 จะเพิ่มทุนในกองทุนดังกล่าว ให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นด้วย เพื่อนำเงินที่ได้ไปขยายการลงทุนใหม่ๆและสร้างโรงภาพยนตร์ โดยโครงการที่เหมาะสมที่จะนำมาไว้ในกองทุนอสังหาฯดังกล่าวจะอยู่ในกรุงเทพ ขณะนี้ดูไว้ 2-3 โครงการ
"คาดว่ากองทุนอสังหาฯ จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนที่ต้องการรับผลตอบแทนในระดับสูง เนื่องจากกองทุนอสังหาฯ MJLF จะให้ผลตอบแทนถึง 8.25% ซึ่งสูงกว่าการฝากเงินค่อนข้างมาก"นายวิชา กล่าว
นายวิชา กล่าวถึงแผนการพัฒนาโรงภาพยนตร์ว่า ตามแผนปีนี้จะเปิดโรงภาพยนตร์เพิ่ม 30-40 โรง ใช้เงินประมาณ 600-700 ล้านบาท คาดว่าจะทำได้ตามเป้าหมาย เพราะขณะนี้ทำได้แล้ว 50% และตั้งแต่ปี 51 เป็นต้นไป มีแผนจะเปิดสาขาที่เป็นสแตนอะโลนอย่างน้อยปีละ 1 สาขา ใช้เงิน 800-1 พันล้านบาท หลังจากปีนี้ไม่มีการเปิดสแตนอะโลน เพราะปี 49 บริษัทลงทุนจำนวนมาในการเปิดสาขาที่เอสพละนาดและสยามพารากอน
สำหรับแผนปี 51 คาดว่าจะมีการลงทุนเยอะกว่าปีนี้ โดยจะนำเงินที่ได้เงินจากการขายกองทุนอสังหาฯมาใช้
ทั้งนี้ แผนขยายธุรกิจของบริษัทจากนี้จะยังคงเน้นธุรกิจที่สามารถนำมาต่อยอดธุรกิจเดิม ส่วนธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้อง หรือไม่มีความถนัดจะไม่ลงทุนอย่างแน่นอน
สำหรับการจ่ายปันผลระหว่างกาล นายวิชา กล่าวว่า คาดว่าจะนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการในช่วงต้นเดือน ส.ค.นี้ โดยนโยบายจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/นิศารัตน์/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--