นายสุขสันต์ ยศะสินธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ชโย กรุ๊ป (CHAYO) เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/63 จะเติบโตกว่าไตรมาส 1/63 จากการทยอยขาย และซื้อหนี้ด้อยคุณภาพที่มีหลักประกันเข้ามาบริหาร โดยคาดว่าจะมีหนี้ด้อยคุณภาพทยอยออกประมูลขายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเบื้องต้นมีออกมาบ้างแล้วประมาณ 9,000 ล้านบาท และน่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงไตรมาสที่ 3-4 ของปีนี้ จากปัจจุบันบริษัทมีพอร์ตบริหารหนี้ด้อยคุณภาพอยู่ที่ 51,247 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าซื้อหนี้มาบริหารในปีนี้เพิ่มอีก 10,000 ล้านบาท วางงบลงทุนไว้ที่ 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็น หนี้ที่มีหลักประกัน 70% และหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน 30% อย่างไรก็ตามมองว่าจะมีสินเชื่อด้อยคุณภาพออกมาในระบบประมาณ 5.2- 5.5 แสนล้านบาท โดยในจำนวนนี้คาดว่าจะมี TOR เข้ามาเชิญชวนบริษัทเข้าร่วมประมูล 2.5 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นโอกาสของบริษัทในการที่จะซื้อหนี้ด้อยคุณภาพมาบริหารเพิ่มเติม
สำหรับเป้าหมายรายได้รวมปี 63 บริษัทฯ ยังคาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% โดยหลักจะมาจากธุรกิจบริหารหนี้ หรือซื้อหนี้มาบริหาร ขณะที่ธุรกิจให้บริการเจรจาและติดตามทวงถามหนี้ คาดว่าจะทำได้ใกล้เคียงกับปีก่อน เนื่องจากผู้ว่าจ้างและรัฐบาลมีนโยบายให้พักชำระหนี้เป็นเวลา 3-6 เดือน ซึ่งเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ส่งผลกระทบกับการทวงถามหนี้มีความยากมากขึ้น ซึ่งบริษัทฯ ก็มีการบริหารลูกค้า โดยเฉพาะการเจรจากับลูกค้าที่ถึงรอบปิดบัญชี หากยังไม่สามารถปิดบัญชีได้ ก็สามารถขยายเวลาปิดบัญชีออกไปอีกได้ โดยแบ่งชำระเป็นงวด ส่วนลูกค้าที่ผ่อนอยู่ ก็ช่วยให้ลูกค้าผ่อนน้อยลง เป็นต้น
ธุรกิจให้ปล่อยสินเชื่อ บริษัทฯ ยังคงเป้าปล่อยสินเชื่อไว้ที่ 200 ล้านบาท โดยไตรมาส 1/63 มีการปล่อยสินเชื่อไปแล้วจำนวน 50 ล้านบาท ซึ่งจะปล่อยสินเชื่ออย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อควบคุมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ส่วนธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ปีนี้ได้ชะลอการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ออกไปก่อน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย
สำหรับธุรกิจขายสินค้า และบริหารผ่าน Call Center บริษัทฯ ก็เห็นถึงโอกาสในการต่อยอดธุรกิจและสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ได้อนุมัติให้จัดตั้งบริษัทย่อย บริษัท 555 ช้อปปิ้ง จำกัด เพื่อขายสินค้า และบริการผ่านคอลเซ็นเตอร์ หรือช่องทางอื่นๆที่เกี่ยวข้อง โดย CHAYO ถือหุ้นในสัดส่วน 55% และนายนนทวัชร์ อนันท์พรจินดา ถือหุ้น 45% โดยนายนนทวัชร์ จะดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการ และมีส่วนร่วมในการบริหาร มีทุนจดทะเบียนเริ่มต้นที่ 10 ล้านบาท เรียกชำระครั้งแรก 35%
"ในปีนี้ CHAYO เห็นช่องทางในการขยายธุรกิจในส่วนของคอลเซ็นเตอร์มากขึ้น จากการขายสินค้าผ่านทีวีช็อปปิ้งและออนไลน์ช็อปปิ้ง ซึ่งคาดว่าสัดส่วนรายได้จะเพิ่มขึ้นจากเดิมที่อยู่ราว 1% โดยตอนนี้คนที่ขายทางทีวีมีสินค้ามาขายมากขึ้น ทำให้ลูกค้าโทรเข้าไปอาจจะติดปัญหา ดังนั้น หากต้องการมียอดขายเพิ่มขึ้นเราก็พร้อมจะเข้าไปเป็นตัวช่วย ซึ่งระบบของเราจะทำการเรคคอร์ด และสามารถโทรกลับไปหาลูกค้าได้ ซึ่งกลุ่มเป้าหมายเราจะเป็นผู้ที่ขายสินค้าทางทีวี" นายสุขสันต์ กล่าว