ตลท.คาดมาร์เก็ตแคปหุ้นไทยสิ้นปี50 โตถึง 7 ล้านลบ.จาก 6.5 ล้านลบ.ขณะนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday July 14, 2007 09:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่ามีความเป็นไปได้ที่มูลค่าตลาดรวม หรือมาร์เก็ตแคปตลาดหุ้นไทยในสิ้นปีนี้จะปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 7 ล้านล้านบาท  จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 6.5 ล้านล้านบาท หรือ 75% ของ GDP ซึ่งปรับเพิ่มจากก่อนหน้าที่อยู่ที่เพียง 60% ของจีดีพี
เนื่องจากบรรยากาศการลงทุนมีทิศทางที่ปรับตัวดีขึ้น รวมทั้งเม็ดเงินต่างชาติที่เข้ามาลงทุนต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตามการเพิ่มของมาร์เก็ตแคปตลาดหลักทรัพย์อยากให้สอดคล้องทั้งราคาหุ้นและจำนวนบริษัทจดทะเบียนที่จะต้องเพิ่มขึ้นด้วย
ทั้งนี้มูลค่ามาร์เก็ตแคปของบริษัทจดทะเบียนใหม่ที่เข้ามาระดมทุนในปีนี้ตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 9.7 หมื่นล้านบาท โดยตลาดหลักทรัพย์อยู่ระหว่างการหารือกับบริษัทที่สนใจจะเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ว่ามีความพร้อมที่จะเข้าจดทะเบียนหรือไม่
ส่วนเรื่องเป้าหมายบริษัทที่จะเข้ามาจดทะเบียนว่าจะมีการปรับลดลงหรือไม่นั้น ทางตลาดหลักทรัพย์ยังหวังว่าจะคงเป้าเดิมเนื่องจากหากมีการเปลี่ยนแปลงอาจจะส่งผลต่อความมั่นใจของบริษัทที่เตรียมจะเข้ามาระดมทุน และเรื่องดังกล่าวจะต้องพิจารณาหารือร่วมกับคณะกรรมการอีกครั้งก่อน
อย่างไรก็ตาม ตลาดหลักทรัพย์ฯสนับสนุนให้บริษัทที่ต้องการระดมทุนเพิ่มนำไปขยายธุรกิจเข้ามาระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์เพื่อให้ประโยชน์ที่เกิดขึ้นเกิดต่อระบบเศรษฐกิจจริง เพราะปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงในภาคธุรกิจโดยเฉพาะเรื่องเทคโนโลยีค่อนข้างมาก
นางภัทรียา กล่าวอีกว่า การปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯในช่วงที่ผ่านมาค่าพีอีเรโชปรับเพิ่มขึ้นทำให้ส่วนต่างระหว่างตลาดหุ้นไทยกับตลาดหุ้นต่างประเทศแคบลงมาอยู่ที่ประมาณ 2-3 เท่าจากเดิมที่ห่างถึงมากกว่า 5 เท่า ขณะที่อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ปัจจุบันปรับตัวลดลงมาค่อนข้างมากจากก่อนวิกฤตเศรษฐกิจซึ่งอยู่ที่ประมาณ 5 เท่ามาอยู่ที่ 1.1 เท่า ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการใช้ตลาดทุนเป็นแหล่งระดมทุนนั้นเอง
ทั้งนี้ จากตัวเลขการะดมทุนโดยการกู้จากสถาบันการเงินปัจจุบันอยู่ในระดับประมาณ 70% เมื่อทียบกับ GDP ขณะที่การระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์อยู่ที่ 65% ของ GDP และการระดมทุนโดยออกพันธบัตรอยู่ที่ประมาณ 60% ของ GDP ซึ่งในส่วนของการออกพันธบัตรในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำและเริ่มมีเสถียรภาพน่าจะส่งผลทำให้บริษัทจดทะเบียนมาการออกพันธบัตรมากขึ้นได้ในอนาคต

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ