นายวิทูร ซื่อวัฒนากุล กรรมการผู้จัดการ บมจ.โกลบอลกรีนเคมิคอล (GGC) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการปี 63 ดีกว่าปีก่อน แม้ผลประกอบการไตรมาส 2/63 อาจทำได้ต่ำที่สุดรอบปีนี้ เนื่องจากความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มบริษัทปรับตัวลดลง หลังจากมีมาตรการล็อกดาวน์ เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่อย่างไรก็ตามด้วยสถานการณ์ภัยแล้ง และภาครัฐบาลได้ประกาศให้น้ำมัน B10 ซึ่งมีส่วนผสมไบโอดีเซล (B100) 10% ในน้ำมันดีเซล เป็นน้ำมันดีเซลพื้นฐานแทน B7 พร้อมทั้งยังสนับสนุนน้ำมัน B20 ด้วย ทำให้ราคาB100 ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ทิศทางผลประกอบการไตรมาส 2/63 ยังเติบโตได้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่คาดว่าช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ความต้องการใช้น้ำมันจะฟื้นตัวกลับมา หลังจากภาครัฐบาลได้ผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ หลังสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศดีขึ้น ส่งผลให้ความต้องการใช้ไบโอดีเซลเพิ่มขึ้น ขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์แฟตตี้แอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของผงซักฟอก และน้ำยาล้างจาน ก็ดีขึ้นจากการที่โรงงานในจีน และไต้หวันกลับมาดำเนินการ
ส่วนความคืบหน้าของโรงงานผลิตกลีเซอรีนแห่งที่ 2 เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมยา สารให้ความหวาน ผลิตภัณฑ์สุขอนามัยส่วนบุคคลนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้าง และคาดว่าจะแล้วเสร็จไตรมาส 4/63 โดยโครงการดังกล่าวหากแล้วเสร็จจะช่วยรองรับปริมาณความต้องการของผลิตภัณฑ์ได้ทันที เนื่องจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 จึงทำให้มีความต้องการใช้เจลแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อโรคอย่างมาก
สำหรับโครงการนครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งได้รับผลกระทบจากปัญหาการระบาดของไวรัสโควิด-19 บ้างจากการที่ไม่สามารถรับมอบเครื่องจักรจากประเทศจีน อินเดีย และสเปน ส่งผลให้โครงการล่าช้า และจะแล้วเสร็จในปลายไตรมาส 1/64 ขณะที่ในช่วงเวลาดังกล่าวจะมีปริมาณอ้อย ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักเข้าโรงงานในปริมาณน้อย ดังนั้น จึงทำให้บริษัทพิจารณาจะเลื่อนการเปิดเชิงพาณิชย์ออกไปเป็นปลายปี 64 เพื่อให้ตรงกับฤดูกาลหีบอ้อย