นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ในกรอบจำกัด เนื่องจากปัจจัยต่างประเทศยังมีความกังวลสถานการณ์การเมือง อย่างการประท้วงในฮ่องกง และความชัดแย้งระหว่างจีน และสหรัฐฯ อาจจะนำไปสู่สงครามการค้ารอบใหม่
แต่ทั้งนี้ในประเทศก็มีปัจจัยหนุนจากความคาดหวังการคลายล็อกดาวน์ เฟส 3 ดังนั้น ปัจจัยใน-ต่างประเทศจึงคละกัน ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ก็เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบด้วย โดยวันนี้มีหลายตลาดปิดทำการ อย่างตลาดหุ้นอังกฤษ, ตลาดหุ้นสหรัฐ, ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย, ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เป็นต้น
อย่างไรก็ดี ให้ติดตามสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างจีน และสหรัฐฯ รวมถึงติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ต่อไป โดยเฉพาะในอเมริกาใต้ ที่ขณะนี้แพร่ระบาดหนัก
พร้อมให้แนวรับ 1,285 จุด ส่วนแนวต้าน 1,312 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (22 พ.ค.63) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,465.16 จุด ลดลง 8.96 จุด (-0.04%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,324.59 จุด เพิ่มขึ้น 39.71 จุด (+0.43%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,955.45 จุด เพิ่มขึ้น 6.94 จุด, (+0.24%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 265.25 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 2.47 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 204.44 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 1.79 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 10.38 จุด
ส่วนตลาดหุ้นสิงคโปร์ ตลาดหุ้นมาเลเซีย และตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ปิดทำการวันนี้ เนื่องในเทศกาลฮารีรายออีฏิ้ลฟิตริ
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (22 พ.ค.63) 1,303.97 จุด ลดลง 16.72 จุด (-1.27%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,894.43 ล้านบาท เมื่อวันที่ 22 พ.ค.63
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (22 พ.ค.63) ปิดที่ 33.25 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 67 เซนต์ หรือ 2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (22 พ.ค.) อยู่ที่ -0.20 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.91 อ่อนค่าจากเย็นวันศุกร์เล็กน้อย มองกรอบวันนี้ 31.85-31.95 นักลงทุนจับตาสถานการณ์สหรัฐ-จีน
- ส.อ.ท.เร่งทำแผนฟื้นฟูอุตสาหกรรมหลังโควิด-19 รับมือโลกเปลี่ยน และเทรดวอร์รอบ 2 ปักธงยกเครื่อง 45 อุตสาหกรรม 11 คลัสเตอร์ เน้นแผนผลิตครบวงจรพึ่งวัตถุดิบในประเทศเป็นหลัก ดันรัฐจัดแพ็คเกจผ่านบีโอไอ ตั้งเป้าเพิ่ม 6 อุตสาหกรรมใหม่ ดิจิทัล เครื่องมือแพทย์ โลจิสติกส์ หุ่นยนต์ คาดเสร็จ พ.ค.นี้ เพื่อสอดรับกับแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่รัฐตั้งงบไว้ 4 แสนล้านบาท
- กระทรวงคมนาคม เตรียมเสนอครม.ไฟเขียวสตาร์ทแผ่นยางหุ้มแบริเออร์ 26 พ.ค.นี้ จ่อ MOU กระทรวงเกษตรฯ ซื้อตรงเกษตรกรไม่ผ่านนายหน้า ยันขั้นตอนโปร่งใส ปิ๊งไอเดียจดลิขสิทธิ์ พร้อมส่งขายต่างประเทศ เล็งของบ 3 ปี 8 หมื่นล้านบบาท หวังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพใช้งบเพิ่ม 14 เท่า ขณะที่คาดเงินถึงมือเกษตรกรเต็มสูบ
- นายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้กังวลถึงสถานการณ์ โควิด-19 ที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย โดยเห็นว่านโยบายเศรษฐกิจที่สำคัญในระยะต่อไป จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องออกมาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการว่างงานในระดับสูง
- น.ส.ปฐมาภรณ์ นิธิชัย ฝ่ายวิจัย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือบจ. มีศักยภาพในการทำธุรกิจและเติบโตในต่างประเทศมาก เพราะล่าสุดเมื่อสิ้นปี 62 มีมูลค่าการลงทุนในต่างประเทศ ถึง 2 แสนล้านบาท จาก 232 บริษัท โดยอาเซียนยังเป็นเป้าหมายหลักในการเข้าไปลงทุนมีมากถึง 191 บริษัท หรือประมาณ 82% ตามด้วยเอเชียเหนือ และยุโรป เนื่องจากช่วยกระจายความเสี่ยงให้กับธุรกิจลดการพึ่งพาแหล่งรายได้เฉพาะในประเทศและเป็นโอกาสของการเข้าไปลงทุนในบริษัทข้ามชาติที่มีศักยภาพอีกด้วย
- พาณิชย์ หนุนเต็มที่ส่งออกสินค้าเกษตรและอาหาร หลังช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาเติบโตดี ทั้งข้าว อาหารทะเลแช่แข็ง ผัก-ผลไม้ อาหารสัตว์เลี้ยง ตามความต้องการช่วงล็อกดาวน์ทั่วโลก คาดสถานการณ์ยังดีต่อเนื่องอีก 1-2 ปี พร้อมเจรจาญี่ปุ่น สนับสนุน 9 ผลไม้ไทยขายตรงผ่านทีวี
*หุ้นเด่นวันนี้
- FTSE June Review มีหุ้นไทย 5 ตัวเข้าคำนวณคือ BAM, BKER, RBF, SHR, SFLEX ไม่มีหุ้นออก มีผลวันจันทร์ที่ 22 มิ.ย. 2563 (ฟินันเซีย ไซรัส)
- DTAC (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 64 บาท มี Sentiment บวกจากข่าว กสทช.เตรียมพิจารณาขยายเวลาจ่ายค่าธรรมเนียมประจำปี คาดช่วยลดค่าใช้จ่ายปีนี้ประมาณ 920 ล้านบาทคิดเป็น 16% ของคาดการณ์กำไร DTAC ในปีนี้, DTAC ยังโดดเด่นด้านเงินปันผลปีนี้คาดจ่ายปันผล 2.5 บาทต่อหุ้นให้ Dividend yield ประมาณ 6%
- DOHOME (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้าปีนี้ที่ 10 บาทถูก dilute เป็น 8.60 บาทหลังปันผลเป็นหุ้น โดยจ่ายปันผล 6 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นปันผล คิดเป็น Yield 2.3% XD 11 มี.ค. ทั้งนี้ การคลายล็อกดาวน์ และทยอยเปิดสาขาทำให้ SSSG พ.ค. พลิกเป็นบวก 3% Y-Y เร็วกว่าร้านค้าอื่นจากราคาที่แข่งขันได้และสินค้าครบวงจร แผนเปิดสาขาคงเดิมคือ 3 สาขาใหญ่และ Dohome to go 5 แห่งใน H2/63 ส่วนการตั้งเป้าเพิ่ม House brand จาก 17% ใน Q1/63 เป็น 20% ในปี 2565 บวกกับการมี DC และคุมรายจ่าย จะช่วยหนุนมาร์จิ้นในระยะต่อไป คาดกำไรปีนี้ลดลง 8-10% Y-Y และฟื้นกว่า 10% Y-Y ในปีหน้า หักล้างผลกระทบจาก dilution ได้ในปีหน้า