นายนาวิน อินทรสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุนต่างประเทศ บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทย ออกกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน HY (KFF6MHY) ประมาณการผลตอบแทน 1.00% ต่อปี และกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6MO ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (KFF6MO-AI) ประมาณการผลตอบแทน 1.30% ต่อปี โดยทั้ง 2 กองทุน มีกำหนดเปิดเสนอขายในระหว่างวันที่ 26 พ.ค.-1 มิ.ย. 63
ทั้งนี้ กองทุนทั้ง 2 แห่งเป็นกองทุน Term Fund ที่จะสามารถตอบโจทย์ผู้ลงทุนในเวลานี้ได้ดีที่สุด เพราะเป็นการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีความเสี่ยงต่ำ ท่ามกลางตลาดที่ยังมีความผันผวนอยู่สูงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังมีความเสี่ยงจากการกลับมาระบาดในระลอกที่สอง ซึ่งจะฉุดเศรษฐกิจโลกให้ชะลอตัวยาวนานไปจนถึงปีหน้า เป็นผลให้ยังคงส่งสัญญาณคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับที่ใกล้ศูนย์ต่อไป
ขณะที่การลงทุนใน Term Fund นอกจากผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนในอัตราที่มากกว่าเงินฝากประจำ 6 เดือน ซึ่งอยู่ที่ 0.60% ต่อปี (ข้อมูลธนาคารกสิกรไทย ณ วันที่ 22 พ.ค. 63) การลงทุนในกองทุน Term Fund ยังเป็นการล็อกผลตอบแทนภายในระยะเวลาที่กำหนดด้วย
สำหรับกองทุน KFF6MHY และ KFF6MO-AI มีความแตกต่างกันในเรื่องของสัดส่วนการลงทุนในตราสาร โดยกองทุน KFF6MHY จะเน้นกระจายการลงทุนไปในตราสารเป็นจำนวนที่มากกว่า โดยมีสัดส่วนการลงทุนในแต่ละตราสารไม่เกิน 10% ของพอร์ต ในขณะที่กองทุน KFF6MO-AI มีการลงทุนแบบกระจุกตัว โดยมีสัดส่วนการลงทุนในแต่ละตราสารไม่เกิน 20% ของพอร์ต ดังนั้น กองทุน KFF6MO-AI จึงเหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มิใช่รายย่อยและผู้มีเงินลงทุนสูงเท่านั้น ซึ่งเป็นผู้ลงทุนที่มีความเข้าใจเกี่ยวกับทรัพย์สินที่กองทุนเข้าไปลงทุน และสามารถยอมรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้
ทั้งนี้ คาดว่าทั้ง 2 กองทุนจะเข้าลงทุนในเงินฝาก China Construction Bank Corporation (ฮ่องกง) เงินฝาก Agricultural Bank of China, เงินฝาก Bank of China, บัตรเงินฝาก Bank of Communications, บัตรเงินฝาก China Merchants Bank และบัตรเงินฝาก Industrial and Commercial Bank of China (สาธารณรัฐประชาชนจีน) เงินฝาก AI Khalij Commercial Bank, เงินฝาก Commercial Bank of Qatar, เงินฝาก Doha Bank และเงินฝาก Qatar National Bank (ประเทศกาตาร์) รวมถึงเงินฝาก PT Bank Rakyat Indonesia (ประเทศอินโดนีเซีย) โดยกองทุนจะป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน
อย่างไรก็ดี ตราสารที่กองทุนเข้าไปลงทุนจัดเป็นตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) อีกทั้งยังมีสภาพคล่องสูง ซึ่งที่ผ่านมากองทุน Term Fund ภายใต้การบริหารจัดการของ บลจ.กสิกรไทย ไม่เคยมีประวัติการผิดนัดชำระหนี้ (Default) ดังนั้น ผู้ลงทุนจึงวางใจได้ว่าเงินลงทุนจะได้รับการบริหารจัดการอย่างดีจากผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญ ควบคู่กับการบริหารความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมอยู่เสมอ
"ผู้ลงทุนยังคงมีความกังวลต่อความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แม้ว่าในหลายประเทศได้ทยอยผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ แต่ก็ยังคงพบผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่เป็นจำนวนไม่น้อยจนเกรงว่าจะเกิดการระบาดครั้งใหม่ขึ้นอีกระลอก ส่งผลให้ธนาคารกลางของประเทศแกนหลักทั่วโลกต่างส่งสัญญาณการผ่อนคลายนโยบายการเงิน โดยล่าสุด ธนาคารกลางสหรัฐได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงแบบฉุกเฉินมาอยู่ที่ระดับ 0.00-0.25% เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับตลาด ทั้งนี้ ในภาวะที่ตลาดยังมีความผันผวนสูง ผู้ลงทุนที่ต้องการพักเงินลงทุนระยะสั้นเพื่อรอจังหวะเข้าลงทุนในกองทุนประเภทอื่น ขอแนะนำกองทุนเทอมฟันด์ ซึ่งมีนโยบายการลงทุนในสินทรัพย์ที่ปลอดภัยและมีความมั่นคง อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่รอจังหวะเข้าลงทุนในกองทุนประเภทอื่นยังคงต้องติดตามประเด็นความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯและจีนที่กลับมาตึงเครียดอีกครั้ง"นายนาวิน กล่าว
นายนาวิน กล่าวอีกว่า ผู้ลงทุนที่สนใจกองทุน KFF6MHY สามารถเริ่มต้นลงทุนได้เพียง 500 บาท ผ่าน App K PLUS, K-My Funds, ธนาคารกสิกรไทย และผู้สนับสนุนการขาย/รับซื้อคืนหน่วยลงทุน ส่วนผู้ลงทุนที่สนใจกองทุน KFF6MO-AI นอกจากจะเป็นผู้ลงทุนที่มิใช่รายย่อยและผู้มีเงินลงทุนสูงแล้ว ยังต้องมีลักษณะที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยต้องเริ่มต้นลงทุนขั้นต่ำ 1,000,000 บาท ผ่านธนาคารกสิกรไทย และผู้สนับสนุนการขาย/รับซื้อคืนหน่วยลงทุนเท่านั้น ไม่สามารถลงทุนผ่านช่องทางดิจิทัลได้
ทั้งนี้ เมื่อกองทุนครบกำหนดอายุโครงการ บริษัทจัดการจะนำเงินค่าขายคืนอัตโนมัติไปซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนใดกองทุนหนึ่งใน 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเค ตลาดเงิน (K-MONEY) กองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) หรือกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ระยะสั้น (K-SF) ของบลจ.กสิกรไทย เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนอย่างต่อเนื่อง