นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) เปิดเผยว่าบริษัทได้ปรับเป้ายอดขายปี 50 โตประมาณ 2-3% เดิมที่คาดจะเติบโตที่ 5% จากปีก่อนที่ 1.25 แสนล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาท รวมทั้งความต้องการในประเทศชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจโดยรวม ทำให้บริษัทจำเป็นต้องเพิ่มการส่งออกมากขึ้น โดยปัจจุบันยอดการส่งออกอยู่ในระดับ 33-34% ของยอดขาย และคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังก็จะยังมียอดส่งออกในระดับเดียวกัน
ในงวดครึ่งแรกปี 50 บริษัทมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 1.8-1.9 พันล้านบาท เทียบกับปี 49 ที่ทั้งปีมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวนใกล้เคียงกัน โดยค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นทุกๆ 1 บาท กำไรสุทธิของบริษัทจะหายไปประมาณ 900 ล้านบาท
"ครึ่งปีหลังยังไม่สามารถประเมินได้ว่าจะขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเท่าไร แต่เราก็คาดหวังว่ามาตรการของรัฐบาลที่ออกมาจะช่วยลดการแข็งค่าของเงินบาทได้ แต่ยอมรับว่าในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาเราได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการที่บาทแข็งค่ารุนแรง ซึ่งมาจากเงินไหลเข้ามามาก"นายกานต์กล่าว
ส่วนมาร์จิ้นปิโตรเคมีในไตรมาส 3/50 จะอยู่ที 640-650 เหรียญ/ตัน ดีกว่าในไตรมาส 2/50 เฉลี่ยอยู่ที่ 617 เหรียญ/ตัน
**ขาย ATC ออกหมด บันทึกำไรในQ3/50
ขณะเดียวกัน บริษัทได้ขายหุ้นบมจ.อะโรเมติกส์(ประเทศไทย) (ATC) ที่ยังเหลือ 5% ออกทั้งหมด จะบันทึกกำไรจากการขายเงินลงทุนดังกล่าวในไตรมาส 3/50 จำนวนประมาณ 1.8-1.9 พันล้านบาท
เหตุผลที่บริษัทขาย ATC ออกไปหมด เนื่องจากบริษัทมีสัดส่วนเหลืออยู่ไม่มาก และ ATC กำลังควบรวมกับ บมจ.โรงกลั่นน้ำมันระยอง (RRC) ซึ่งเป็นธุรกิจโรงกลั่นที่บริษัทไม่มีแนวคิดลงทุนธุรกิจโรงกลั่น
พร้อมกันนั้น บริษัทกำลังพิจารณาออกหุ้นกู้ชุดใหม่เพื่อทดแทนหุ้นกุ้ชุดเดิมที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือน พ.ย.นี้ราว 1 หมื่นล้านบาท โดยจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 3/50 ว่าจะออกหุ้นกู้ในวงเงินเท่าใด
ทั้งนี้ แผนการหุ้นกู้ในปีนี้ยังมีต่อเนื่องยังไม่สรุปว่าจะออกเท่าไร เนื่องจากก่อนหน้านี้ บริษัทได้ออกหุ้นกู้เกินจำนวนรองรับไว้ก่อนหน้านี้ ดังน้นครั้งนี้จึงอาจจะออกหุ้นกู้จำนวนไม่ถึง 1 หมื่นล้านบาท โดยในเดือนเม.ย.50 บริษัทได้ออกหุ้นกู้ 1.5 หมื่นล้านบาท
สำหรับการจ่ายคืนหนี้ นายกานต์กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีหนี้สินประมาณ 9.52 หมื่นล้านบาท และเป็นหนี้ในรูปหุ้นกู้สกุลบาทประมาณ 9 หมื่นล้าน ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องเร่งจ่ายหนี้เงินสกุลดอลลาร์ โดยจ่ายหนี้ตามกำหนดเวลา แต่จากการที่ภาครัฐสนับสนุนเร่งการนำเข้าเครื่องจักร บริษัทก็ได้มีการนำเข้าเครื่องจักรล่วงหน้าบางส่วน
ส่วนโครงการโอเลฟินส์แห่งใหม่ ในจ.ระยอง ใช้เงินลงทุน 1.25 พันล้านเหรียญสหรัฐ คาดแหล่งเงินจะเป็นเงินกู้จำนวน 750 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยจะกู้เป็นเงินสกุลบาท 50% และเงินสกุลอื่น 50% ส่วนที่เหลืออีก 500 ล้านบาท จะมาจากการดำเนินงานของบริษัท
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/เสาวลักษณ์/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--