นางสาวสุวรรณา โชคดีอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.มุ่งพัฒนา อินเตอร์แนชชั่นแนล (MOONG) เปิดเผยว่า ยอดขายในช่วงไตรมาส 2/63 คาดว่าจะได้รับแรงกดดันค่อนข้างมากจากสถานการณ์โควิด-19 โดยเฉพาะในช่วงเดือนเม.ย. 63 ซึ่งเป็นช่วงที่ภาครัฐสั่งปิดสถานประกอบการต่าง ๆ เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ส่งผลให้ห้างสรรพสินค้าที่เป็นช่องทางการขายหลักของบริษัทไม่สามารถขายสินค้าได้ ทำให้ยอดขายที่มาจากช่องทางห้างสรรพสินค้าหายไปทั้งเดือนเม.ย.ต่อเนื่องจากถึงกลางเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา
โดยกลุ่มสินค้าแม่และเด็กได้รับผลกระทบค่อนข้างมากจากปัจจัยดังกล่าว ส่งผลให้ภาพรวมของยอดขายในช่วงไตรมาส 2/63 จะชะลอตัวลงจากไตรมาส 1/63 ที่ทำยอดขายได้ราว 200 ล้านบาท
สำหรับผลกระทบที่เกิดขึ้นทำให้บริษัทประเมินว่ายอดขายในปีนี้จะไม่เป็นไปตามที่บริษัทคาดการณ์ไว้ และมีแนวโน้มชะลอตัวจากปีก่อน อย่างไรก็ตามบริษัทได้ปรับกลยุทธ์การขายหลังจากมีการปิดห้างสรรพสินค้า ก็หันมาบาลานซ์ช่องทางการขายผ่านช่องทางร้านค้าแบบดั้งเดิม (TT) ในต่างจังหวัดมากขึ้น จากเดิมที่เน้นการขายผ่านร้านค้าโมเดิร์นเทรด (MT) เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นการปรับช่องทางการขายเพื่อกระจายความเสี่ยง
ขณะที่ปัจจุบันสถานการณ์โควิด-19 ในไทยเริ่มคลี่คลายลง และมีการผ่อนคลายมาตรการจากภาครัฐบางส่วนออกมา บริษัทจะเริ่มทยอยออกสินค้าใหม่ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า และกระตุ้นการซื้อของลูกค้า โดยนำสินค้าจาก Softex พันธมิตรของบริษัทเข้ามาจำหน่าย เป็นสินค้าในกลุ่มแปรงสีฟันในกลุ่มตลาดแมสและพรีเมียม และออกสินค้ากลุ่มแม่และเด็กที่เพิ่มคาแรคเตอร์การ์ตูนเข้าไป เพื่อสร้างการดึงดูดให้กับลูกค้า
ส่วนการขายผ่านช่องทางออนไลน์ในช่วงที่ผ่านมาถือว่ายังมีการเติบโตขึ้นในระดับ 70% แต่ยังเป็นสัดส่วนยอดขายที่เข้ามาน้อยเมื่อเทียบกับการขายผ่านช่องทางร้านค้า ทำให้ยังไม่สามารถชดเชยยอดขายในภาพรวมได้ ด้านตลาดส่งออกปัจจุบันมีสัดส่วนยอดขายอยู่ที่ 3% ซึ่งได้รับผลกระทบไปบ้างในช่วงที่มีการล็อกดาวน์ของหลายประเทศ ทำให้บริษัทไม่สามารถส่งสินค้าไปจำหน่ายไป แต่ปัจจุบันเริ่มกลับมาส่งออกไปในประเทศที่สถานการณ์คลี่คลายได้บางส่วนแล้ว เช่น ฮ่องกง ไต้หวัน แต่ยังถือเป็นการขายที่ไม่มาก โดยส่วนใหญ่ยอดขายจากการส่งออกจะอยู่ในประเทศลาว ที่สินค้าของบริษัทได้รับความนิยม
อย่างไรก็ตามในภาวะที่โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ กำลังซื้อ และกระทบมาถึงยอดขายของบริษัท ทำให้บริษัทจำเป็นต้องควบคุมและบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการตัดและลดค่าใช้จ่ายและการลงทุนที่ยังไม่จำเป็น เพื่อรักษากระแสเงินสด ควบคุมต้นทุนให้อยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ดี และรักษาความสามารถในการทำกำไรของบริษัทไม่ให้ลดลงไปมากจากปีก่อน เพื่อทำให้นักลงทุนยังสามารถได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่คุ้มค่า แม้เผชิญกับภาวะความเสี่ยงที่เกิดขึ้นก็ตาม