รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้ลงนามในคำสั่งนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 25 พ.ค.63 แต่งตั้งคณะกรรมการติดตามการดำเนินงานการแก้ไขปัญหาบมจ.การบินไทย (THAI) โดยมีนายวิษณ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน
สำหรับกรรมการ ประกอบด้วย นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ อดีตรมว.คลัง, นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง,นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม, นายชยธรรมม์ พรหมศร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.), นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม, นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา, นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และนายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เป็นทั้งกรรมการและเลขานุการ
คณะกรรมการชุดดังกล่าว มีอำนาจหน้าที่ในการติดตามการแก้ไขปัญหาบมจ.การบินไทย ในการเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟู, ให้คำแนะนำกับหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหานี้ เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของภาครัฐ โดยไม่เกี่ยวกับกระบวนการพิจารณาของศาล กลั่นกรองตรวจสอบ อำนวยความสะดวกประสานงานเพื่อประโยชน์แก่กระบวนการฟื้นฟู และปฎิบัติหน้าที่อื่นตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) และรัฐบาลมอบหมาย รวมถึงการรายงานการปฎิบัติ และเสนอความคิดต่อ ครม. เป็นระยะ
อนึ่ง ครม.เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 63 มีมติให้บมจ.การบินไทย เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการภายใต้คำสั่งศาล ตามพ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 และให้กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม บริษัทฯ รับไปดำเนินการ และแม้บมจ.การบินไทยจะพ้นการเป็นรัฐวิสาหกิจการโดยเด็ดขาด และกระบวนการฟื้นฟูจะเป็นไปตามขั้นตอน และอยู่ในอำนาจผู้เกี่ยวข้องตามกฎหมายโดยเฉพาะก็ตาม แต่รัฐบาลโดยกระทรวงการคลังยังมีสัดส่วนถือหุ้นในบริษัทเป็นจำนวนมาก อีกทั้งการดำเนินกิจการบริษัท ซึ่งยังสามารถดำเนินงานได้ เกี่ยวพันกับกฎหมายและกฎกระเบียบ ทางราชการ ต้องอาศัยการอำนวยความสะดวกจากภาครัฐ รวมถึงการประสานงานกับหน่วยงาน และรัฐต้องคุ้มครองสิทธิประชาชน และประโยชน์สาธารณะ ครม.จึงมีโอกาสรับทราบความคืบหน้าเป็นระยะ โดยมีระบบกลั่นกรอง และช่วยตรวจสอบของระบบภาครัฐ จึงได้มีคำสั่งให้มีคณะกรรมการติดตามการดำเนินการแก้ไขปัญหาของบริษัทการบินไทยดังกล่าว
นายวิษณุ กล่าวถึง คำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามการดำเนินงานการแก้ไขปัญหาบมจ.การบินไทยว่า ไม่ใช่เป็นซุปเปอร์บอร์ด ตามที่มีการนำเสนอผ่านสื่อมวลชน แต่เป็นมินิบอร์ดที่เชื่อมโยง เป็นคนกลางและตัวกลางระหว่างรัฐบาลกับบริษัท เพื่อให้แผนการฟื้นฟูบมจ.การบินไทยไม่สะดุดเดินหน้าได้ เนื่องจากรูปแบบเดิม ไม่ต้องมีตัวกลาง เพราะกระทรวงดำเนินการได้เอง แต่เมื่อบมจ.การบินไทยพ้นจากการเป็นรัฐวิสาหกิจเป็นเอกชนแล้ว จึงจำเป็นต้องมีคนกลางคอยประสานงาน
อีกทั้งยังมีประเด็นทั้งเรื่องสหกรณ์ รัฐวิสาหกิจ กว่า 80 แห่ง ไปถือหุ้นกู้อยู่จะได้รับความเดือดร้อน หรือแม้แต่ตำรวจกำลังดำเนินการสอบสวนเรื่องการขายตั๋ว ตลอดจนการบินไทยยังดำเนินการกิจการได้อยู่ ซึ่งต้องประสานการใช้สนามบิน กับกองทัพอากาศอยู่ ซึ่งหากไม่ตั้งคณะกรรมการชุดนี้ ก็อาจทำให้ การฟื้นฟูสะดุดได้ ดังนั้นจึงเป็นแค่มินิบอร์ดเท่านั้น