SATTEL ขายหุ้นShen ได้กำไรราว 1 ล้านดอลล์หลังจ่ายหนี้-ภาษี บันทึกQ3/50

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 4, 2007 18:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายดำรง เกษมเศรษฐ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ชินแซทเทิลไลท์(SATTEL) เปิดเผยว่า ที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้อนุมัติบริษัทฯขายหุ้น เชนนิงตัน อินเวสเม้นท์ส พีทีอี (Shen)สัดส่วน 49%  เป็นเงิน 200 ล้านเหรียญสหรัฐ ให้แก่บริษัท เอเชีย โมบายล์ โฮลดิ้งส์ พีทีอี ลิมิเต็ด(AMH) เพื่อนำไปชำระหนี้ 140 ล้านเหรียญสหรัฐ และเสียภาษี 30% ของกำไรที่ขายหุ้นได้ ทำให้บริษัทมีกำไรสุทธิจากการขายหุ้นดังกล่าวประมาณ 1 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยบริษัทจะทำการบันทึกกำไรในไตรมาส 3/50 หลังจบกระบวนการซื้อขายหุ้นดังกล่าว 
"เราซื้อ 2 บริษัทต้นทุนแค่ 7 ล้านเหรียญ เราขายไป 200 ล้านเหรียญ ซึ่งสามารถทำกำไรได้เยอะ ก็ถือว่าพอใจสำหรับการทำดีลครั้งนี้" นายดำรงกล่าว
ในวันนี้ ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น SATTEL ได้ลงคะแนนเสียงเห็นด้วยการขายหุ้น Shen 97.23% ไม่เห็นด้วย 2.53% และงดออกเสียง 0.24%
ทั้งนี้ หลังการชำระหนี้ดังกล่าว บริษัทจะสามารถลดภาระหนี้สินเหลือ 260 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีต้นทุนดอกเบี้ยประมาณ 5% ซึ่งจะทำให้บริษัทมีสภาพคล่องทางการเงินเพิ่มขึ้น และหลังจากนี้จะสามารถทยอยชำระหนี้ได้ตามกำหนด โดยในช่วงจากนี้ไปถึงปี 52 บริษัทยังไม่ต้องชำระเงินต้น
นายดำรงกล่าวว่า การขายหุ้น Shen ครั้งนี้ ยอมรับว่าทำให้บริษัทสูญเสียรายได้ธุรกิจโทรศัพท์มือถือ ในกัมพูชาและลาว เนื่องจากปัจจุบันมีแนวโน้มเติบโตสูง ซึ่งปัจจุบันมีอัตราผู้ใช้บริการเพียง 14% ของจำนวนประชากร เทียบกับไทยที่มีจำนวนผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ 62%ของประชากร โดยปัจจุบัน บริษัทมีลูกค้าที่ใช้บริการชองบริษัทจำนวน 1 ล้านราย ใน 2 ประเทศ ซึ่งคาดว่าใน 2-3 ปีจะเติบโตเท่าตัวเป็น 2 ล้านราย
อย่างไรก็ดี เชื่อว่า AMH จะเข้ามาช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้บริษัท เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญด้านโทรศัพท์มือถืออยู่แล้ว และเชื่อมั่นที่ลาว และ กัมพูชาจะเกิดใน 3G ได้เร็วๆนี้
ทั้งนี้ การขายหุ้นให้ AMH ซึ่งเป็นบริษัทนเครือกองทุนเทมาเส็ก ในราคา 200 ล้านเหรีญสหรัฐ เป็นราคาที่เหมาะสมและเป็นผู้เสนอราคาสูงสุดจากการเสนอซื้อรายอื่น ได้แก่ สิงเทล และ เทเลคอม มาเลเซีย
จากการสอบถามบล.เอเชียพลัส ซึ่งเป็นที่ปรึกษาอิสระ ระบุว่า การถือหุ้นของเทมาเส็กทั้งทางโดยตรงและโดยอ้อมใน AMH ทำให้เทมาเส็กกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน Shen สัดส่วน 51% และ ใน AMH สัดส่วน 75%
ขณะที่ เทมาเส็กถือหุ้น 41.32% ในบมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น (SHIN) ซึ่ง SHIN ถือใน SATTEL สัดส่วน 41.32%
ในที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้ตั้งข้อสังเกตุว่า เทมาเส็กจะเข้ามามีอำนาจบริหารและควบคุมธุรกิจโทรศัพท์มือถือในกัมพูชาและลาว ที่เป็นตลาดที่มีศักยภาพเติบโตสูง
แด่ทางผู้บริหาร SATTEL ชี้แจงว่า ทางผู้บริหารกองทุนเทมาเส็กเป็นกองทุนที่ให้อิสระแก่ผู้บริหาร และเชื่อมั่นว่าสัดส่วนที่ SATTEL ที่ยังถืออยู่ใน Shen เหลืออยู่ 51%นั้นจะทำให้บริษัทมีอำนาจการบริหารและกำหนดทิศทางการดำเนินงานได้เหมือนเดิม
**ยืนยันยังไม่ลงทุนไทยคม 6/เร่งสร้างตลาดไอพีสตาร์
นายดำรงกล่าวว่า บริษัทยังไม่มีแผนการลงทุนสร้างดาวเทียมไทยคม 6 แม้ว่าดาวเทียมไทยคม 1 และ 2 ใกล้หมดอายุลง โดยจะย้ายลูกค้าจากดาวเทียมไทยคม 1 และ 2 มายังดาวเทียมไทยคม 5 ที่ยังมี capacity เหลือยู่ หากไม่พอก็จะเช่าดาวเทียมจากต่างประเทศมาใช้ 1-2 ปีเพื่อชะลอการลงทุนออกไปก่อน เพราะการลงทุนดาวเทียมจำเป็นต้องใช้เงินทุนสูงมาก ทำให้ต้นทุนทางการเงินปรับตัวสูงขึ้น
"ถ้าไม่มียอดลูกค้าในดาวเทียมไทยคม 6 ถึง 50% บริษัทก็จะยังไม่ลงทุนสร้าง แม้ว่าไทยคม 1 และ 2 กำลังจะหมดอายุลง เพราะการลงทุนดาวเทียมใช้เงินจำนวนมาก จะทำให้บริษัทมีภาระหนี้สินเพิ่ม ขณะที่ไอพีสตาร์ ก็ยังไม่ลงตัวตามแผน โดยเฉพาะในอินเดียที่ยังล่าช้าอยู่" นายดำรงกล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ติดตั้งคลื่นความถี่ที่อินเดีย และอินโดนีเซีย เรียบร้อยแล้ว ขณะนี้เหลือเพียงการติดตั้งเกตเวย์ที่บริษัทจำเป็นต้องมีพันธมิตรมีความสามารถทำเกตเวย์และทำการตลาดด้วย ได้แก่ ในเกาหลี ซึ่งอยู่ระหว่างติดต้งเกตเวย์ ส่วนในญี่ปุ่นกำลังเซ็นสัญญาในการติดตั้งเกตเวย์
ทั้งนี้ ตามแผนไอพีสตาร์ บริษัทต้องติดตั้ง 18 เกตเวย์ โดยเป้าหมายที่จะไปต่อไปคือ อินโดนีเซีย อินเดีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และคาดว่าในปี 50 ไอพีสตาร์จะมีลูกค้าจำนวน 1 แสนยูที และปีหน้าคาดจะเพิ่มเป็น 2 แสนยูที (User Terminal)โดยตลาดหลักยังอยู่ที่จีน ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ซึ่งมีกำลังซื้อสูง
"ผมเชื่อมั่นว่าไอพีสตาร์จะโตปีละ 100% ตั้งแต่ปีหน้า(51) และถ้าเมื่อไรมีถึง 2-3 แสนยูที จะทำให้บริษัทเข้าสู่จุดคุมทุน และที่เหลือจะกลายเป็นกำไร บริษัทตั้งเป้าจะผลิตได้ทั้งหมด 2 ล้านยูที" นายดำรงกล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ