LPN Wisdom มองตลาดอสังหาฯฟื้น H2/63 หลังโควิดคลี่คลาย-กำลังซื้อยังมี

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 28, 2020 11:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลุมพีนี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด (LPN Wisdom) บริษัทด้านการวิจัยและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือ บมจ.แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) เปิดเผยว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังปี 63 หลังสถานการณ์แพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัส 2019 (โควิด-19) มีแนวโน้มคลี่คลาย และกำลังซื้อเพื่อการอยู่อาศัยยังคงมีอยู่ในตลาด หลังจากที่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ยังคงมีความสามารถในการทำกำไร (Net Profit Margin) เฉลี่ยอยู่ที่ 13.81% ในช่วงไตรมาส 1/63

"ถึงแม้ผลการดำเนินงานไตรมาสแรก ปี 63 ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 29 บริษัท จะมีรายได้รวม 59,207.66 ล้านบาท ลดลงในสัดส่วน 30.43% และกำไรสุทธิ 8,176.88 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 40.68% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2562 ก็ตาม แต่เมื่อเทียบความสามารถในการทำกำไร ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ยังคงสามารถรักษาระดับความสามารถในการทำกำไรเฉลี่ยอยู่ที่ 13.81% ซึ่งถือว่ายังอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมอื่น"นายประพันธ์ศักดิ์ กล่าว

นายประพันธ์ศักดิ์ กล่าวอีกว่า นอกจากความสามารถในการทำกำไรที่ยังคงอยู่ในระดับสูงแล้ว สัดส่วนหนี้สินต่อทุน (Debt to Equity Ratio) ของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ณ สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2563 โดยเฉลี่ยยังต่ำกว่า 2:1 เท่า สะท้อนถึงความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งแตกต่างจากวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2540 ที่สัดส่วนหนี้ต่อทุนของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในระบบในขณะนั้นมีสัดส่วนสูงเกินกว่า 2:1 ทำให้มีความเสี่ยงในการทำธุรกิจเมื่อเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจหดตัว

ความแข็งแกร่งทางการเงินของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว ทำให้ถึงแม้จะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจหดตัวโดย LPN Wisdom ประมาณการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะติดลบประมาณ 5-7% สอดคล้องกับการประมาณการณ์เศรษฐกิจไทยจะติดลบที่ 5-6% ของสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ซึ่งจะส่งผลให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 63 มีแนวโน้มติดลบในสัดส่วน 15-20% เมื่อเทียบกับปี 62 ก็ตาม แต่ LPN Wisdom มั่นใจว่าโครงสร้างทางการเงินที่แข็งแกร่งของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะบริษัทที่ดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environment, Social, Governance: ESG) ซึ่งอยู่ในบัญชีรายชื่อหุ้นยั่งยืนหรือ Thailand Sustainability Investment (THSI) จะสามารถสร้างรายได้ ยอดขาย และรักษาอัตราการทำกำไร ในห้วงเวลาที่เศรษฐกิจชะลอตัว

ขณะเดียวกันจากการวิเคราะห์กำลังซื้อในไตรมาสแรกของปี 63 พบว่า ความต้องการซื้อเพื่อการอยู่อาศัยยังคงมีกำลังซื้ออย่างต่อเนื่องทั้งแนวราบและอาคารชุดเพื่อการอยู่อาศัย รายได้ที่ลดลงของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์โดยเฉลี่ย 30.43% ในไตรมาสแรกเป็นผลมาจากการที่ไม่สามารถโอนที่อยู่อาศัยให้กับผู้ซื้อจากต่างประเทศที่ไม่สามารถมาโอนอาคารชุดได้ตามแผนที่วางไว้ซึ่งเป็นผลจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และบางส่วนเป็นกลุ่มลูกค้าที่ซื้อเพื่อการลงทุนที่ชะลอการลงทุนในภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัว

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยที่มีแนวโน้มคลี่คลาย และคาดว่าจะสามารถปลดล็อกได้สิ้นไตรมาส 2/63 ทำให้ LPN Wisdom คาดว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะค่อย ๆ ฟื้นตัว ในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ของปี 63 โดยคาดว่าผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์จะทยอยเปิดตัวโครงการใหม่ในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ของปี หลังจากที่ชะลอแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในไตรมาส 2 ของปี 63

LPN Wisdom ประมาณว่าจะมีจำนวนการเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 63 จะอยู่ที่ 50,000-55,000 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 175,000-190,000 ล้านบาท หรือลดลง 50-55% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปี 62 ภายใต้เงื่อนไขที่ไม่มีการระบาดของไวรัส โควิด-19 ระลอกสอง

นายประพันธ์ศักดิ์ กล่าวว่า แม้ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์จะฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 63 ก็ตามแต่เนื่องจากจำนวนสินค้าคงเหลือและโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ยังคงมีมูลค่าสูง เฉพาะ 29 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมีจำนวนสินค้าคงเหลือและโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ณ วันที่ 31 มีนาคม 2562 สูงถึง 576,406 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 6.74% จาก ณ สิ้นปี 62 ซึ่งต้องใช้เวลาในการขายไม่น้อยกว่า 36 เดือน ทำให้แนวโน้มผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ จะเร่งขายโครงการเดิม แทนการเปิดโครงการใหม่

อย่างไรก็ตาม จะมีบางบริษัทที่ยังคงเปิดโครงการใหม่ในบางทำเลที่มีกำลังซื้อสูง โดยเฉพาะโครงการแนวราบทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ ที่มีความต้องการสูง ตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปตามรูปแบบการใช้ชีวิตในวิถีปรกติใหม่ (New Normal) ที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้นตอบโจทย์การทำงานที่บ้าน(Work From Home) ที่กำลังกลายเป็นรูปแบบการทำงานรูปแบบใหม่ หลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่ง LPN Wisdom เชื่อว่า การทำงานที่บ้านจะยังคงอยู่แม้จะไม่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แล้วก็ตาม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ