ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กผิดหวังผลประกอบการ ฉุดดาวโจนส์ปิดร่วง 149.33 จุด

          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 140 จุดเมื่อคืนนี้ (20 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อผลประกอบการของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง กูเกิ้ล และ คาเตอร์พิลลาร์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับอิทธิพลจากการแสดงความคิดเห็นในด้านลบเกี่ยวกับตลาดปล่อยกู้จำนองประเภทซับไพร์ม์ ของนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ 
          สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 149.33 จุด หรือ 1.07% ปิดที่ 13,851.08 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลง 18.98 จุด หรือ 1.22% ปิดที่ 1,534.10 จุด และดัชนี Nasdaq รูดลง 32.44 จุด หรือ 1.19% ปิดที่ 2,687.60 จุด
          ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 3.65 พันล้านหุ้น เพิ่มขึ้นจากวันพฤหัสบดีที่ 3.19 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 3 ต่อ 1
          ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากการที่นายเบอร์นันเก้แถลงการณ์ต่อคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารแห่งวุฒิสภาในวันที่ 2 ว่า ตัวเลขขาดทุนในธุรกิจปล่อยกู้จำนองให้แก่ลูกหนี้ที่มีความน่าเชื่อถือต่ำ (ซับไพร์ม) อาจจะมีวงเงินสูงถึง 1 แสนล้านดอลลาร์
          ส่วนในการแถลงวันแรกนั้น เบอร์นันเก้เตือนว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์อาจทรุดตัวลงเข้าขั้นรุนแรงก่อนที่จะฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวมและตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคของสหรัฐ
          "ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะยังคงชะลอตัวลงอีก ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากมาตรฐานการปล่อยกู้ที่เข้มงวดขึ้นและอัตราดอกเบี้ยกู้จำนองที่เพิ่มขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ หากความต้องการที่อยู่อาศัยชะลอตัวลงก็จะทำให้ธุรกิจสร้างบ้านตกต่ำลงและจะทำให้จำนวนบ้านที่คงค้างในสต็อคปรับตัวสูงขึ้น" เบอร์นันเก้กล่าว
          นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับผลกระทบจากการที่บริษัทคาเตอร์พิลลาร์ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ด้านการก่อสร้างประกาศลดคาดการณ์ผลประกอบการปี 2550 หลังจายอดขายในตลาดอเมริกาเหนือตกต่ำลงและต้นทุนการดำเนินงานสูงเกินคาด โดยหุ้นคาเตอร์พิลลาร์ร่วงลง 4.4%
          ขณะที่หุ้นกูเกิ้ลดิ่งลง 5.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขรายได้เพิ่มขึ้น 58% แตะระดับ 3.87 พันล้านดอลาร์ แต่นักลงทุนมองว่าตัวเลขดังกล่าวยังต่ำกว่าเป้าหมายเนื่องจากกูเกิ้ลต้องใช้จ่ายในการจ้างพนักงานมากขึ้น