EPG ปี 62/63 กำไรโต ส่ง Aeroklas ร่วมทุนตุรกีผลิตอุปกรณ์ตกแต่งรถในไทย

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday May 29, 2020 12:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป (EPG) เปิดเผยว่า ผลประกอบการปี 62/63 (1 เม.ย.62 - 31 มี.ค.63) บริษัทมีรายได้จากการขายทั้งสิ้น 10,217 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 3.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 1 พันล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีสัดส่วนรายได้ แบ่งเป็น AEROKLAS 46% AEROFLEX 30% และ EPP 24% เป็นผลมาจาก 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ดังนี้

ธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ Aeroflex มีรายได้จากการขายรวม 3,012 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้จากการขายเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกา และประเทศญี่ปุ่นซึ่งเลือกใช้สินค้าระดับพรีเมี่ยม อีกทั้ง ฉนวนกันความร้อน/เย็น Aeroflex เป็นสินค้าจำเป็น (Essential Product) ที่นำไปใช้ในระบบปรับอากาศ อุตสาหกรรมอาหารแช่แข็ง อุตสาหกรรมยา และคลีนรูม เป็นต้น

ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ภายใต้แบรนด์ Aeroklas มีรายได้จากการขายรวม 4,726 ล้านบาท หรือลดลง 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการปรับตัวลดลงของอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก และในช่วงปลายเดือนมีนาคม 63 เริ่มได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) อีกทั้งธุรกิจในออสเตรเลียเติบโตช้ากว่าที่คาดไว้

ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก ภายใต้แบรนด์ EPP มีรายได้จากการขายรวม 2,480 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทได้ทำการขยายตลาดในกลุ่มบรรจุภัณฑ์พลาสติก ประเภทกล่องใส่อาหาร ถ้วยน้ำดื่ม และสินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น แม้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายจะเริ่มได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งส่งผลให้การอุปโภคบริโภคของประชาชนลดลง แต่ยังคงได้รับประโยชน์จากบรรจุภัณฑ์พลาสติกใส่อาหารทดแทน เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคด้วยการสั่งอาหารเดลิเวอร์รี่ หรือซื้ออาหารกลับไปรับประทานที่บ้าน

บริษัทมีต้นทุนขายสินค้าลดลง 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับผลประโยชน์จากราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวลดลง และมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งบริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการควบคุมการบริหารค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมลดลง เนื่องจากผลกระทบจากการชะลอตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ และผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19

นายเฉลียว กล่าวอีกว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติให้เสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 63 เพื่อขออนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำปีให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัท ในอัตราหุ้นละ 0.12 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 336 ล้านบาท ซึ่งกำหนดให้มีการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นปี 63 ในวันที่ 23 ก.ค. 63 และหากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นฯ มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผล จะกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่จะมีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date)ในวันที่ 7 ส.ค. 63 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นภายในวันที่ 21 ส.ค. 63

นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท อนุมัติให้บริษัท TJM Products MEA DMCC สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ย่อย ซึ่งดำเนินธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์ตกแต่งสำหรับรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อและรถบรรทุก เลิกกิจการเนื่องจากประเมินความคุ้มค่าของการลงทุนแล้วเห็นว่าบริษัทสามารถลดค่าใช้จ่ายในการบริหารงานของ TJM ในตะวันออกกลาง โดยให้บริษัท แอร์โรคลาส จำกัด บริหารงานขายผลิตภัณฑ์ในภูมิภาคนั้นแทน

รวมถึงอนุมัติให้บริษัท แอร์โรคลาส จำกัด (Aeroklas) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท เข้าร่วมทุนกับ Farplas Otomotiv A.S. ประเทศตุรกี เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในประเทศไทย โดยมีทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท Aeroklas ถือหุ้น 51% และ Farplas Otomotiv A.S. ถือหุ้น 49% เพื่อประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายสินค้าประเภทชิ้นส่วนอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าผู้ประกอบยานยนต์ และเพิ่มเทคโนโลยีการผลิตแบบใหม่จากผู้ร่วมลงทุน โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการจัดตั้งบริษัทภายในเดือนมิ.ย.63 และเปิดดำเนินการผลิตในต้นปี 65 สำหรับเงินลงทุนจะมาจากกระแสเงินสดของ Aeroklas และการกู้ยืมเงิน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ