โบรกฯมองแนวโน้มกำไรหุ้นกลุ่มพลังงานอ่อนตัวลง แม้คาด Q2/50 ดีกว่า Q1/50

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 25, 2007 16:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          โบรกเกอร์ ประเมินผลประกอบการบจ.กลุ่มพลังงานไตรมาส 2/50 กำไรจะออกมาดีกว่าไตรมาสแรกจากราคาน้ำมันและค่าการกลั่นอยู่ในระดับสูง แต่หากเทียบกับไตรมาส 2/49 จะมีกำไรลดลง และแนวโน้มครึ่งปีหลังหุ้นกลุ่มโรงกลั่นน้ำมันอาจได้รับผลจากค่าการกลั่นที่คาดว่าจะอ่อนตัวลงตามทิศทางราคาน้ำมัน ขณะที่มีความเสี่ยงจากผลตัดสินคดีแปรรูป บมจ.ปตท.(PTT) ส่วนกลุ่มปิโตรเคมีและไฟฟ้ายังมีความสามารถทำกำไรได้ดีตลอดทั้งปี ด้านกลุ่มถ่านหิน แม้จะโดดเด่นแต่มองว่าราคาหุ้น"เต็มมูลค่า"แล้ว
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการฝ่ายหลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มครึ่งปีหลังกำไรของบจ.ในกลุ่มพลังงานจะอ่อนตัวลง จากราคาน้ำมันที่น่าจะปรับลดลงในครึ่งปีหลังและค่าการกลั่นก็น่าจะอ่อนลงตาม รวมทั้งราคาถ่านหินก็อ่อนตัวลง
"โดยรวมแล้วไม่มี indicator ไหนที่จะบอกว่าผลกำไรครึ่งปีหลังน่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก ค่าเงินบาทแข็งค่าก็ไม่ดีกับพวกที่มีรายได้กับธุรกิจที่อิงดอลลาร์ จึงมองว่าครึ่งปีหลังผลกำไรน่าจะอ่อนลงแต่คงไม่มากเพราะราคาน้ำมันก็ยืนระดับสูงอยู่" นายกิตติชาญ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
นายกิติชาญ คาดว่าผลประกอบการ บจ.กลุ่มพลังงานไตรมาส 2/50 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/49 กำไรของธุรกิจถ่านหินจะออกมาเด่นที่สุด แต่ในราคาหุ้นถือว่าเต็มมูลค่าแล้ว หุ้นหลักอย่าง PTT ภาพธุรกิจโดยรวมกำไรปกติน่าจะดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว ขณะที่ PTTEP คาดว่ากำไรทรงตัว
ส่วนธุรกิจโรงกลั่นทรงตัว โดย RRC คาดว่ากำไรน่าจะลดลงประมาณ 15% จากงวดเดียวกันปีที่แล้ว เพราะเงินบาทแข็งค่าขึ้น แม้ว่าค่าการกลั่นเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยมาที่ 11 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล(รวมสต็อกน้ำมัน) จากงวดเดียวกันปีก่อนที่ 10.62 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ขณะที่ TOP กำไรจะลดลงประมาณ 1% หรือทรงตัว เพราะมีกำไรจากบริษัทลูกเข้ามาช่วย เช่น ปิโตรเคมี แม้ค่าเงินบาทจะมีผลกระทบบ้าง
ธุรกิจไฟฟ้าน่าจะดีขึ้นจากปีที่แล้ว เพราะความต้องการใช้ไฟฟ้ายังคงเติบโตต่อเนื่อง EGCO มีบันทึกกำไรจากโรงไฟฟ้า BLCP และแก่งคอย 2 เข้ามาด้วยในไตรมาสที่ 2 กำไรน่าจะโตขึ้นมากกว่าปีที่แล้วพอสมควร ส่วนธุรกิจถ่านหินมีความโดดเด่น โดย BANPU คาดว่ากำไรจะโตเกือบ 100% จากปีที่แล้วกำไรอยู่ที่ 807 ล้านบาท ปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1,577 ล้านบาท แต่ราคาหุ้นตอบรับไปแล้ว
ในแง่ราคาหุ้น มองว่าราคาหุ้นกลุ่มถ่านหินเต็มมูลค่าไปแล้ว โดยปรับขึ้นมาใกล้ราคาเป้าหมาย ส่วนหุ้น TOP ใกล้เป้าหมายที่ 86 บาท, RRC ให้เป้าหมาย 27 บาท, EGCO ที่ 130 บาท, RATCH ที่ 45 บาท, PTTEP ที่ 130 บาท, PTT ที่ 370 บาท โดย PTT น่าจะยังเติบโตได้อีกมาก
ขณะที่นายอนุพนธ์ ศรีอาจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บล.บีฟิท กล่าวว่า คาดผลประกอบการไตรมาส 2/50 ของกลุ่มพลังงานโดยภาพรวมกำไรจาก 9 บริษัทใหญ่ คือ BANPU, EGCO, GLOW, IRPC, PTT, PTTEP, RATCH, RRC และ TOP จะออกมารวมกันราว 5.25 หมื่นล้านบาท บวก 10% QoQ จากการปรับตัวดีขึ้นของกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นเป็นหลักตามค่าการกลั่นที่ดีขึ้นต่อเนื่อง
แต่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนกำไรลดลง 10% YoY โดยกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมทั้ง PTT และ PTTEP รวมทั้งกลุ่มโรงกลั่นถ่วงกำไรสุทธิลดลง ขณะที่กลุ่มไฟฟ้าและถ่านหิน BANPU, EGCO และ RATCH ทำกำไรได้ดีมากกว่าปีก่อน
หุ้นที่มีปัจจัยเด่น ได้แก่ IRPC กำไรจะเติบโตดีในปีนี้ รับปัจจัยราคาปิโตรเคมีระดับสูงหนุน ส่วนหุ้นโรงกลั่นอาจได้รับผลจากค่าการกลั่นลดลงในครึ่งปีหลัง แต่ก็มีปัจจัยกำลังผลิตที่เพิ่มขึ้นเข้ามาหนุนโดยเฉพาะ TOP ส่วน RRC ก็มีประเด็นควบรวมกับ ATC ที่ส่งผลบวกต่อการดำเนินงาน หุ้นไฟฟ้า GLOW มี upside สูง
ส่วนหุ้นน้ำมัน PTTEP PTT ราคาใกล้เป้าหมายแต่จะรับผลบวกราคาน้ำมันที่สูงใน Q3
IRPC คาดกำไร Q2 ที่ 4.1 พันล้านบาท +2.5% YoY และ +16% QoQ หลังเดินเครื่องเต็มที่ได้ปัจจัยหนุนจากค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้นที่ 12.2 เหรียญ สูงกว่า Q1 ที่ 11.1 เหรียญ ประเมินมูลค่าหุ้นที่ 8 บาท
PTT คาดกำไร Q2 ที่ 2.45 หมื่นล้านบาท +8.3% QoQ +22.7% YoY ธุรกิจสำรวจและผลิต (PTTEP) รวมทั้งธุรกิจปิโตรเคมีสายโอเลฟินส์ (PTTCH) ในงบรวมทำให้เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน ส่วนปิโตรฯสายอะโรเมติกส์ ATC ดีขึ้นจาก Q1 ประเมินกำไรตามการรับรู้ส่วนได้เสียของโรงกลั่นและปิโตรฯราว 8.12 พันล้านบาท รายได้จากการขายของ PTT คาดไว้ 3.19 แสนล้านบาท คาดปันผลที่ 10.5บาท ได้มูลค่าหุ้น 316 บาท
แต่ PTT ยังต้องรอประเด็นศาลปกครองสูงสุดตัดสินในคดีเพิกถอนกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการแปรรูปปตท.ซึ่งคาดการพิจารณาคดีน่าจะมีขึ้นอย่างช้าไม่น่าเกินก.ย.นี้
PTTEP กำไรราว 7.05 พันล้านบาท +4%QoQ แต่ -3%YoY ประเมินราคาเป้าหมายที่ 128 บาท
ขณะที่ BANPU คาดว่ากำไร Q2 จะเพิ่มขึ้นมากประมาณ 1.49 พันล้านบาท +85% YoY +25% QoQ คาดเงินปันผลปีนี้ที่ 10 บาท ประเมินมูลค่าหุ้นวิธี DFCF ได้ 310 บาท
EGCO คาดกำไร Q2 ที่ 2.29 พันล้านบาท +45% YoY ในอนาคตอันใกล้โครงการแก่งคอย 2 เฟส 2 จะเข้ามามี.ค.ปีหน้า ส่วนที่ไกลออกไปมีโครงการน้ำเทิน 2 และน้ำเทิน 1 และยังเข้าประมูล IPP รอบใหม่นี้ด้วย ได้มูลค่าหุ้น 126 บาท ส่วนกรณีชนะประมูล IPP 700-800 MW มูลค่าหุ้นน่าจะเพิ่มขึ้นราว 9-10.4 บาท/หุ้น
RATCH กำไรปกติที่ 1.96 พันล้านบาท -4% QoQ +35%YoY เป็นหนึ่งในบริษัทที่คาดว่าจะชนะประมูล IPP ได้มูลค่าหุ้น 52.2 บาท ส่วนกรณีชนะประมูล IPP 700-800 MW มูลค่าหุ้นน่าจะเพิ่มขึ้นราว 3.25-3.75 บาท/หุ้น
RRC คาดกำไรที่ 2.55 พันล้านบาท +29.5% QoQ -37% YoY ยังรับปัจจัยหนุนต่อเนื่องจากค่าการกลั่นที่ขึ้นแรงในไตรมาส 2 โดยคาด GRM ของ RRC ไว้ 9.8 เหรียญ เพิ่มจาก 6.95 เหรียญใน Q1 สำหรับแผนการควบรวมกันของ RRC กับ ATC ยังคาดจะเกิดขึ้นได้ในปีนี้ ประโยชน์ที่คาดจะได้รับในด้านการดำเนินธุรกิจหลังควบรวมคือ การผลิตจะเพิ่มสูงขึ้นทำให้ค่าการกลั่นโดยรวมเพิ่มขึ้น กำลังการกลั่นจะขึ้นมาถึง 2.8 แสน BPD แซง TOP ขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ของไทยได้ ส่วนกำลังผลิตอะโรเมติกส์จะสูงถึง 2.3 ล้านตัน/ปี ประเมินมูลค่าหุ้นได้ราว 25.4 บาท
TOP คาดกำไรที่ 6.64 พันล้านบาท +15% QoQ แต่ -4%YoY ค่าการกลั่นเพิ่มสูงขึ้นกว่าไตรมาสก่อนที่ 9.8 เหรียญสหรัฐ เทียบกับ 8.28 เหรียญสหรัฐใน Q1 ประเมินมูลค่าหุ้นที่ 88 บาท
นายอนุพนธ์ กล่าวว่า ในช่วงไตรมาส 2/50 ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานของไทยปรับขึ้นมากกว่าตลาด โดยสูงขึ้น 20.6% ใน Q2 ขณะที่ดัชนีตลาดเพิ่มขึ้น15.3% รับผลพวงจากราคาพลังงานที่ปรับขึ้นสูงทั้งน้ำมันดิบ น้ำมันสำเร็จรูป รวมทั้งราคาถ่านหิน และยังมีโรงไฟฟ้าใหม่เข้ามาด้วย
ในแง่ราคาหุ้นถ่านหินทำกำไรได้ดีมาก โดยหุ้น LANNA +54% และ BANPU +34%
กลุ่มน้ำมัน หุ้น BCP +38% ทำได้ดีที่สุด PTT +30% และ TOP, PTTEP +20% เท่าค่าเฉลี่ยกลุ่ม

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ