บมจ.โรงพยาบาลรามคำแหง (RAM)เตรียมเปิดให้บริการอาคารส่วนต่อขยายของโรงพยาบาลรามคำแหงในไตรมาส 3/50 ซึ่งจะสามารถเพิ่มการให้บริการคนไข้ในได้อีก 180 เตียง ด้วยเงินลงทุน 500 ล้านบาท พร้อมทั้งเดินหน้าขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งการลงทุนด้วยตัวเอง และการจับมือกับพันธมิตร
สำหรับปี 50 คาดว่ารายได้มีอัตราเติบโตใกล้เคียงปี 49 ที่เพิ่มขึ้น 18% จากปี 48 จากการเพิ่มของจำนวนคนไข้ โดยครึ่งปีแรกคนไข้นอก(OPD)มีจำนวนเพิ่มขึ้น 5-6% จากปีก่อน ส่วนคนไข้ในขยายตัว 8-10% จากปีก่อน โดยคาดแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของจำนวนคนไข้ใกล้เคียงครึ่งปีแรก
“การเจริญเติบโต จากปี 48 ไป ปี 49 เป็นยังไง ปี 49 ไป ปี 50 ก็คงไม่แตกต่างกันมาก ให้ดูอดีตแล้วจะมองอนาคต ที่เติบโตเพราะมีคนไข้เพิ่มขึ้น จากคนนิยมใช้บริการเพิ่มขึ้น อาจมาจากประชาชนฐานะดีขึ้น หมู่บ้านใหม่เพิ่มขึ้น มีการย้ายมาอยู่แถวนี้เพิ่มขึ้น และพอใจคุณภาพที่ให้อยู่ ของผมรักษาทุกโรค" นพ.เอื้อชาติ กาญจนพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการ RAM กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
ในปี 49 บริษัท มีรายได้จากการรักษาพยาบาล 2.2 พันล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปี 48 ประมาณ 18.04% ขณะที่กำไรสุทธิปี 49 มีจำนวน 385.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67.41% จากปี 48 ส่วนในไตรมาส 1/50 มีรายได้ 628.06 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 97.96 ล้านบาท
**คาด Q3/50เปิดบริการส่วนต่อขยาย-มีแผนขยายธุรกิจเกี่ยวเนื่อง
น.พ.เอื้อชาติ คาดว่าจะเปิดให้บริการส่วนต่อขยายได้ในไตรมาส 3/50 ใช้งบลงทุน 500 ล้านบาท เป็นค่าก่อสร้างอาคารและอุปกรณ์การแพทย์ แบ่งเป็น 250 ล้านบาทใช้เงินสดของบริษัท ซึ่งได้ใช้ไปแล้ว และอีก 250 ล้านบาทจะเป็นเงินกู้ซึ่งจะเริ่มกู้ในอีก 2 เดือนนี้
ปัจจุบัน โรงพยาบาลรามคำแหง มีจำนวน 200-240 เตียง
“คนไข้ไม่ได้ไหลมาทีเดียว คนไข้ก็ทยอยเพิ่มขึ้นไป เพราะฉะนั้นปีกลายไตรมาส 3 ไม่มีเตียงให้นอน พอปีนี้เจริญเติบโต ในไตรมาส 3 ก็มีเตียงให้คนไข้นอน" น.พ.เอื้อชาติกล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนขยายธุรกิจเพิ่มเติมอีก แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ โดยที่ผ่านมาบริษัทมีรูปแบบการขยายธุรกิจด้วยตัวเอง ซึ่งมีแหล่งเงินจากบริษัท หรือเข้าร่วมทุนเพื่อสร้างโรงพยาบาลใหม่ หรือเข้าร่วมลงทุนโรงพยาบาลที่สร้างเสร็จแล้ว
"ในอนาคตเราก็ทำอย่างนั้น การขยายกิจการที่ผ่านมาเราทำต่อเนื่อง ในสภาพการณ์ที่เอื้ออำนวย เมื่อไรที่สภาพการณ์ไม่เอื้ออำนวยเราไม่ทำ...เราทำแต่โรงพยาบาลเท่านั้นนะ จะให้เราทำอย่างอื่นเราทำไม่เป็น"น.พ.เอื้อชาติ กล่าว
อย่างไรก็ตาม มองว่าการสร้างศูนย์เฉพาะโรคไม่จำเป็น เพราะการตรวจคนไข้ได้รับการดูแลจากแพทย์เฉพาะโรคอยู่แล้ว
**คาดจำนวนคนไข้เพิ่ม ไม่เกี่ยวศก.-การเมือง
น.พ.เอื้อชาติ กล่าวว่า จำนวนคนไข้ในไตรมาส 1/50 มีคนไข้นอก(OPD) เพิ่มขึ้น 5-6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งในไตรมาส 2/50 ก็น่าจะมีอัตราเติบโตใกล้เคียงกัน ส่วนคนไข้ใน(IPD)มีจำนวนเพิ่มขึ้น 8-10% ในไตรมาส 1/50 เทียบกับไตรมาส 1/49 และไตรมาส 2/50 น่าจะใกล้เคียงกัน อย่างไรก็ตาม รายได้เฉลี่ยต่อรายไม่ได้เพิ่มขึ้น โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 700 บาท/ครั้ง
RAM มีฐานจำนวนคนไข้อยู่ประมาณ 3.5 หมื่นครอบครัว หรือประมาณ 1.1-1.2 แสนรายที่เข้ามาใช้บริการต่อเนื่อง หรือใช้บริการเป็นประจำ นอกจากนี้ ยังมีลูกค้าที่ใช้บริการเป็นครั้งคราวประมาณ 10-20% ลูกค้าทั้งหมดแบ่งเป็นสัดส่วน 80% เป็นคนไข้เก่า และ 20% เป็นคนไข้ใหม่ ส่วนใหญ่เป็นคนไทย
"ไตรมาส 1 ประกาศออกมาแล้ว และคาดว่าไตรมาส 2,3 และ 4 ยังเจริญเติบโต เพราะเศรษฐกิจและการเมืองจะดีหมด แต่ถ้าปี 50 โตไม่เทียบเคียงกับปี 49ที่โตจากปี 48 นั้นแสดงว่า เศรษฐกิจและการเมืองไม่เป็นไปอย่างที่คิด" น.พ.เอื้อชาติ กล่าว
**ยังไม่คิดแก้สภาพคล่อง
กรรมการผู้จัดการ RAM กล่าวว่า บริษัทยังไม่มีแนวคิดแก้ไขปัญหาสภาพคล่อง เนื่องจากผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ต้องการให้คงสภาพเช่นนี้ไว้ ที่ราคา 500 กว่าบาท จากราคาพาร์ 10 บาท และเชื่อว่าหุ้น RAM ถือว่าเป็นหุ้นปันผล โดยมีการจ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้ง ซึ่งปีที่แล้วจ่ายปันผลหุ้นละ 11 บาท จากนโยบายจ่ายเงินปันผล 50% ของกำไรสุทธิ
"ผู้ถือหุ้นชอบราคาสูง มีควสามสุขที่เห็นราคาสูง ผมเป็นตนตามใจผู้ถือหุ้น หุ้นที่ซื้อขายเราก็มี แต่ก็มีซื้อขายน้อย แต่อย่างไรก็ตาม ไม่มีแนวคิดนำหุ้นแตกพาร์ที่ตอนนี้อยู่ที่ 10 บาท ผมถืออยู่ 3-4% ที่เหลือเพื่อนๆเขาถือกัน หมอกับคนไข้ถือหุ้นเป็นส่วนใหญ่" นพ.เอื้อชาติกล่าว
ปัจจุบัน บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ(BGH) เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ RAM ในสัดส่วน 19% รองลงมา คือโรงพยาบาลเชียงใหม่ราม 6.95%
ราคา RAM อยู่ที่ 568 บาท เพิ่มขึ้น 8 บาท หรือ +1.43% สูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--