นายปิยวัชร ราชพลสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานบัญชีและการเงิน บมจ.ดู เดย์ ดรีม (DDD) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายพลิกกลับมามีกำไรสุทธิได้ในปีนี้ แม้ไตรมาส 1/63 มีผลขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 10.86 ล้านบาท และแนวโน้มไตรมาส 2/63 น่าจะยังมีผลขาดทุนสุทธิอยู่ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังส่งผลกระทบต่อเนื่อง เห็นได้จากยอดขายในเดือนเม.ย.63 ที่ปรับตัวลดลง และเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นเล็กน้อยในเดือนพ.ค.63
ขณะเดียวกันประเทศฟิลิปปินส์ ก็มีการขยายเวลาการปลดล็อกดาวน์ออกไปอีก จากเดิมที่คาดจะคลายล็อกได้ในเดือนมิ.ย.นี้ ซึ่งบริษัทฯ ก็อยู่ระหว่างติดตามสถานการณ์ และปรับช่องทางการจำหน่ายจากออฟไลน์เป็นออนไลน์ เพื่อให้แน่ใจว่าจะมียอดขายเข้ามาให้กับบริษัทฯ ได้อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามบริษัทฯ คาดว่าผลการดำเนินงานในครึ่งหลังปีนี้จะฟื้นตัวดีขึ้นจากครึ่งปีแรก โดยผลการดำเนินงานในประเทศ สำหรับปีนี้คาดเติบโตดีกว่าปีก่อน จากการบันทึกงบการดำเนินงานของบริษัท คิวรอน จำกัด (KURON) ซึ่ง DDD ได้เข้าไปถือหุ้นในสัดส่วน 76% เข้ามา จากปีก่อนไม่มี โดยผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา แม้จะได้รับผลกระทบจากการที่โมเดิร์นเทรดปิดตัวชั่วคราว แต่การขายผ่านออนไลน์ทำได้ค่อนข้างดี ทำให้มองว่าในครึ่งปีหลัง KURON จะมีการเติบโตมากขึ้น และน่าส่งผลบวกกับบริษัทฯ
ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์แบรนด์ Oxecure และแบรนด์ SoS (เอะสึ โอ เอะสึ) บริษัทฯ ก็เห็นสัญญาณการตอบรับที่ดีจากลูกค้าในช่วงปีแรกที่ผ่านมา หลังมีการออกผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ดังกล่าวในช่วงไตรมาส 4/62 ซึ่งน่าจะเข้ามาช่วยเพิ่มยอดขาย หรือชดเชยยอดขายบางส่วนที่หายไปได้
นอกจากนี้บริษัทร่วมทุน บริษัท เจเอ็มเอส โกลบอล โซลูชัน จำกัด (JMS) คาดว่าจะเริ่มดำเนินธุรกิจได้ในช่วงปลายไตรมาส 3/63
อนึ่ง JMS เป็นความร่วมมือกันระหว่างบริษัท สกิน เมค สไมล์ จำกัด (SMS) (บริษัทย่อยที่ DDD ถือหุ้น 70%) ประกอบธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์บำรุงผิวระดับพรีเมี่ยม ถือหุ้นในสัดส่วน 40% และ GP Club Company Limited (GPC) นิติบุคคคที่จัดตั้งตามกฎหมายแห่งสาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งเป็นบริษัทจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลผิวขนาดใหญ่สัญชาติเกาหลี และมีช่องทางการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่งในหลายประเทศ เช่น จีน ญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ ในเอเชีย ถือหุ้นในสัดส่วน 60% เพื่อจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของกลุ่ม DDD ไปยังประเทศในแถบเอเชีย และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของ GPC ในประเทศไทย รวมถึงวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ร่วมกัน
พร้อมกันนี้มองว่าปัจจัยเชิงลบยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะเรื่องของนักท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นสัดส่วนรายได้หลักของบริษัทฯ ประมาณ 20-30% เนื่องจากยังไม่สามารถประเมินได้อย่างชัดเจนว่านักท่องเที่ยวจะกลับมาท่องเที่ยวในประเทศไทยได้เมื่อไหร่ ทำให้มองเป็นปัจจัยลบที่น่าจะยังส่งผลกระทบกับผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังนี้
นายปิยวัชร กล่าวว่า สำหรับแผนการตลาดในปีนี้ แบ่งเป็น แบรนด์ Oxecure (อ๊อกซีเคียว) การจำหน่ายในประเทศจะเน้นไปยังช่องทางออนไลน์มากขึ้น ส่วนในประเทศฟิลิปปินส์ มีการโปรโมทผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่รู้จักบางแล้วในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา
แบรนด์ prettiiface (พริตตี้เฟส) มุ่งทำการตลาดผ่านออนไลน์มากขึ้น เพื่อให้เข้าถึงลูกค้ามากขึ้นผ่านการทำกิจกรรมต่างๆ ผ่านทางแอปพลิเคชั่น หรือสื่อโซเชียลมีเดีย ทั้ง Facebook, Instagram และ Tik Tok จากเดิมที่มีการโฆษณาผ่านสื่อโฆษณาภายนอกที่อยู่อาศัย
ส่วนกลุ่มบริษัทคิวรอน ในปีนี้แบรนด์ Lesasha มีแผนที่จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งหมด 20 สินค้า และยังคงเน้นอยู่ในกลุ่มสินค้าตกแต่งทรงผม ซึ่งบางสินค้าได้ออกไปบ้างแล้วในไตรมาส 1/63 เช่น LESASHA BIO-CERAMIC HAIR DRYER เป็นต้น, แบรนด์ Sparkle ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก ในไตรมาสแรกก็มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ อย่าง sparkle lemon soda
ขณะเดียวกันบริษัทฯ ก็ได้มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้ชื่อแบรนด์ ionie ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ หรือเครื่องฟอกอากาศแบบพกพา ซึ่งสามารถหาซื้อได้แล้วที่ห้างสรรพสินค้าและร้านค้าทั่วไป รวมถึงบนออนไลน์ด้วย ขณะที่แบรนด์ Snail white ฟิลิปปินส์ ปีนี้จะพยายามขยายช่องทางการจัดจำหน่ายให้มากขึ้น และเข้าถึงลูกค้าให้มากขึ้น จากเดิมที่มีการจำหน่ายผ่านร้านวัตสัน (Wastons) ในสัดส่วนถึง 85.9%
"การขับเคลื่อนการเติบโตในปีนี้ บริษัทฯ เตรียมที่จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในครึ่งปีหลังนี้ โดยวางเป้าหมายไว้จำนวน 9 โปรดักส์ 16 ชนิด (SKUs) และการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายผ่าน traditional trade ให้มากขึ้น เพื่อให้ครอบคลุมร้านค้าทั่วประเทศ ส่วนกลุ่มบริษัทคิวรอน ก็ยังมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่และดปรดมทต่อเนื่อง รวมถึงมีการร่วมมือกับพันธมิตรเกาหลี หรือ JMS ที่มีช่องทางการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่งในประเทศจีน"นายปิยวัชร กล่าว