นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่ง Sideway up โดยยังให้น้ำหนักกับการเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะทำให้ครึ่งปีหลัง (H2/63) เศรษฐกิจฟื้นตัวได้เร็ว เห็นได้จากตัวเลข ISM ทั้งของสหรัฐฯ และจีน ออกมาปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะจีนเห็นได้ว่าเศรษฐกิจมีการขยายตัว
สำหรับการประท้วงในสหรัฐฯ เชื่อว่าจะสามารถควบคุมได้หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งกองทหารเข้าไปคุมสถานการณ์แล้ว ทำให้สถานการณ์คงจะไม่ยืดเยื้อ และเช้านี้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่ก็เคลื่อนไหวในแดนบวกราว 0.7%
ส่วนตลาดบ้านเรามีปัจจัยบวกจากเม็ดเงินต่างชาติได้ไหลเข้ามา 2 วันติดต่อกัน อย่างไรก็ดี ต้องจับตาปัจจัยการเมืองในประเทศอาจจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี และติดตามสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน หลังจากที่จีนได้ระงับการนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ ซึ่งเป็นการตอบโต้การแทรกแซงกิจการภายในของจีน ตอนนี้ต้องรอดูว่าสหรัฐฯจะตอบโต้อย่างไรหรือไม่
พร้อมให้แนวรับ 1,342-1,345 ถัดไป 1,335 จุด ส่วนแนวต้าน 1,362-1,370 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (1 มิ.ย.63) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,475.02 จุด เพิ่มขึ้น 91.91 จุด (+0.36%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,055.73 จุด เพิ่มขึ้น 11.42 จุด (+0.38%) ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,552.05 จุด เพิ่มขึ้น 62.18 จุด (+0.66%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 113.13 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 0.89 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 59.72 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 30.25 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 3.63 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 14.43 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 5.63 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (1 มิ.ย.63) 1,352.37 จุด เพิ่มขึ้น 9.52 จุด (+0.71%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,408.45 ล้านบาท เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.63
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (1 มิ.ย.63) ปิดที่ 35.44 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 5 เซนต์ หรือ 0.1%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (1 มิ.ย.) อยู่ที่ -2.57 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.64/65 แข็งค่าจากวานนี้เล็กน้อย แนวโน้มแกว่งกรอบแคบรอความชัดเจนจากปัจจัยเดิม
- "แบงก์ชาติ" จ่องัดมาตรการดูแลค่าเงินบาทเพิ่ม หวังสกัดต่างชาติ ใช้ไทยเป็นฐานพักเงิน หลังช่วง 2 สัปดาห์เงินบาทแข็งค่าเร็วแซงประเทศอื่นในภูมิภาค ย้ำไม่สอดคล้องกับเศรษฐกิจที่เปราะบาง ด้านผู้ค้าทองยันบาทแข็งจากดอลลาร์อ่อนไม่เกี่ยวกับการขายทองคำ ขณะนักวิเคราะห์ชี้คนไทยดึงเงินกลับจากต่างประเทศต้นเหตุทำบาทแข็ง "คลัง"เล็งออกมาตรการดูแลเศรษฐกิจหลังโควิดเริ่มคลี่คลาย
- ธุรกิจโรงภาพยนตร์ โอดไวรัสโควิด-19 ฉุดขายตั๋วเหลือ 25% ประกาศความพร้อมเปิดให้บริการ ด้าน "เอสเอฟ" แจงเลื่อนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ส่วน "เมเจอร์" ขยายการขายโฆษณาผ่านออนไลน์
- "สุริยะ" มอบนโยบาย ธพว. เติมทุนสินเชื่อเงื่อนไขพิเศษช่วยเอสเอ็มอีไทยทั่วประเทศพลิกฟื้นธุรกิจ หลังโควิดเริ่มคลี่คลาย ตั้งเป้าอนุมัติสินเชื่อได้ 40,000 ล้านบาท ช่วยเอสเอ็มอีได้ประมาณ 24,000 กิจการ รักษาการจ้างงานประมาณ 120,000 ราย สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 90,000 ล้านบาท
- กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยสถานการณ์การท่องเที่ยวเดือน เม.ย.63 ว่า ผลกระทบของการระบาดของโควิด-19 ทั่วโลก ส่งผลกระทบหนักที่สุด โดยตลอดเดือนไม่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาเลยแม้แต่คนเดียว นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เป็นผลมาจากการประกาศ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินในช่วง 25 มี.ค.63 ปิดด่านตรวจคนเข้าเมืองทั่วประเทศ และสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ห้ามอากาศยานทำการบินเข้าสู่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราว
- บมจ.ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) เผยปัญหาโควิด-19 ที่ยังคงแพร่ระบาดทั่วโลกจนสายการบินต่างๆ ต้องประกาศหยุดทำการบินมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผลประกอบการของสนามบินทั้ง 6 แห่งของทอท. คือสุวรรณภูมิ, ดอนเมือง, ภูเก็ต, เชียงใหม่, หาดใหญ่ จ.สงขลา และแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ทำให้ผลประกอบการหดตัวลงจากปีก่อนอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งบอร์ดทอท.พิจารณาประเด็นการจ่ายเงินโบนัสแล้วเห็นว่า หากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลายการแจกโบนัสในปีนี้เป็นไปได้ยาก
*หุ้นเด่นวันนี้
- TISCO (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 87 บาท Loan spread ในช่วงที่เหลือของปีจะทรงตัวได้ดีกว่าธนาคารอื่นเพราะรายได้ดอกเบี้ยเงินกู้ส่วนใหญ่ไม่ได้อิงกับ MLR, MRR, MOR ที่ธนาคารอื่นปรับลงในเดือน เม.ย. และ พ.ค. ขณะที่ต้นทุนทางการเงินลดลงจากการลดค่าธรรมเนียม FIDF ความเสี่ยงด้านคุณภาพหนี้ต่ำเพราะตั้งสำรองสูงไปแล้วใน Q1/63 โดยสำรองพิเศษราว 840 ลบ. คาดการตั้งสำรองจะกลับสู่ระดับปกติตั้งแต่ 2Q20 กำไรจึงน่าจะฟื้นตัวใน Q2/63 สวนทางธนาคารอื่นที่คาดว่ากำไรจะลดลง Q-Q แม้ว่า PBV ที่ 1.5 เท่าจะสูงกว่าธนาคารอื่น แต่ TISCO มี ROE และ Dvd. yld สูงกว่า
- CPF (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 36.25 บาท คาดได้ประโยชน์จากข่าวจีนระงับการนำเข้าถั่วเหลืองชั่วคราวจากสหรัฐ คาดกดดันให้ราคากากถั่วเหลืองซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตอาหารสัตว์ลดลงหนุนมาร์จิ้นให้กับผู้ประกอบการสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังมีข่าวบวกจากราคาหมูในเวียดนามที่ล่าสุดปรับขึ้นสู่ระดับ 103,000 ดอง/ก.ก.หลัง supply หมูในตลาดลดลงจากผลกระทบของโรคอหิวาห์แอฟริกัน