บมจ. ไทยบริการอุตสาหกรรมและวิศวกรรม(TIES)เตรียมหาข้อสรุปการตัดสินใจเพิ่มทุนจดทะเบียนเพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนในการรับงานใหม่ภายในไตรมาส 3/50 ซึ่งรวมถึงวงเงินระดมทุน โดยยอมรับว่าการเพิ่มทุนเป็นทางที่น่าสนใจที่สุดในขณะนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการกู้เงินจากสถาบันการเงินที่ทำให้ภาระดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าจะหยิบยกขึ้นมาหารือในการประชุมบอร์ด 6 ส.ค.นี้
พร้อมกันนั้นยังได้ปรับเป้าการเติบโตของรายได้ปี 50 เพิ่มเป็น 50% มาที่ 1.8 พันล้านบาท จากเดิมที่คาดว่ารายได้ปีนี้จะอยู่ที่ 1.6 พันล้านบาท แม้ H1/50 จะยังทำได้ไม่ถึงครึ่ง แต่มั่นใจว่างานในมือที่มีอยู่อีกกว่า 10 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 1.4 พันล้านบาท จะรับรู้รายได้ในช่วง H2/50 ประมาณ 1.2 พันล้านบาทจะช่วยผลักดันให้รายได้ทั้งปีเป็นไปตามเป้าหมายใหม่
และหากรายได้เป็นไปตามเป้าก็เชื่อว่าผู้ถือหุ้นมีสิทธิได้รับเงินปันผลงวดปี 50 ในอัตราที่สูงกว่างวดปี 49
นายอัศวิน ชินกำธรวงศ์ ประธานกรรมการ TIES เปิดเผยว่า บริษัทกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาเพิ่มทุน วัตถุประสงค์หลักคือเพื่อนำเงินมาใช้เป็นทุนหมุนเวียนในกิจการ เนื่องจากบริษัทมีงานในมืออีกจำนวนมาก ซึ่งหากขอวงเงินกู้จากธนาคารพาณิชย์จะทำให้มีภาระดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องดูความเหมาะสมอีกครั้ง คาดว่าภายในไตรมาส 3/50 จะได้ข้อสรุป
"ส่วนจะเพิ่มทุนให้เสร็จภายในปีนี้เลยหรือไม่ เดี๋ยวขอดูอีกสัก 1-2 เดือนหรือภายในไตรมาส 3 จึงจะตัดสินใจว่าจะเพิ่มทุนหรือไม่และถ้าเพิ่มจะเพิ่มเท่าไหร่ กำลังพิจารณาอยู่..แต่ก็ถือว่าเหมาะสมแล้วกับปริมาณงานที่เพิ่มเข้ามาเรื่อยๆ เพียงแต่ว่าต้องดูอีกนิดนึงเพื่อให้พอเหมาะกับการขยายตัวของธุรกิจ"นายอัศวินกล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
อย่างไรก็ตาม ในการประชุมคณะกรรมการบริษัทในวันที่ 6 ส.ค.นี้นอกจากนี้จะมีการรับรองผลประกอบการไตรมาส 2 ที่คาดว่าจะออกมาดีกว่าไตรมาสแรก แล้วก็อาจจะมีการพูดคุยกันถึงเรื่องเพิ่มทุนกันบ้าง หรือไม่ก็อาจจะมีการเรียกประชุมนัดพิเศษ
ปัจจุบัน TIES มีทุนจดทะเบียน 135 ล้านบาท เป็นหุ้นสามัญ 135 ล้านหุ้น
ก่อนหน้านี้ บริษัทแจ้งข้อมูลผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ เกี่ยวกับการใช้เงินจากการเสนอขายหุ้นจำนวน 89.2 ล้านบาทว่า
บริษัทได้ใช้เงินทุนหมุนเวียนในกิจการเพิ่มขึ้นกว่าที่กำหนดไว้ 23.99 ล้านบาทเนื่องจากธุรกิจขยายตัวดีเกินกว่าที่ประมาณการไว้ จึงจำเป็นต้องใช้เงินทุนหมุนเวียนมากขึ้น ซึ่งการใช้เงินดังกล่าวทำให้บริษัทต้องลดจำนวนเงินที่ใช้ในการชำระเงินเบิกเกินบัญชีไป
*ปรับเพิ่มเป้าโตเป็น 50% มาที่ 1.8 พันลบ.จากเดิม 1.6 พันลบ.
นายอัศวิน กล่าวว่า บริษัทได้มีการปรับเพิ่มเป้ารายได้ปี 50 มาที่ 1.8 พันล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราเติบโต 50% จากเดิมที่คาดว่ารายได้ปีนี้จะอยู่ที่ 1.6 พันล้านบาท แม้ว่าครึ่งปีแรกจะยังทำได้ไม่ถึงครึ่งทางก็ตาม แต่เนื่องจากยังมีงานในมือพร้อมที่จะรับรู้ในครึ่งปีหลังอีกมาก
ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นปี 50 คาดว่าจะลดลงเล็กน้อยจากปี 49 ที่อยู่ที่ 13-14% เนื่องจากตลาดมีการแข่งขันสูง
นายอัศวิน กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทมีงานในมือประมาณ 12-13 โครงการ รวมมูลค่ารวมมูลค่าประมาณ 1.4 พันล้านบาท จะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 1.1-1.2 พันล้านบาท และยังมีงานที่จะเข้าไปประมูลอีกอย่างต่อเนื่อง
"ตามเงื่อนไขที่จะต้องส่งมอบงาน ทำให้คาดว่าคงรายได้คงจะไม่หนี 1.8 พันล้านบาท ส่วนจะปรับเป้ารายได้เพิ่มอีกหรือไม่ต้องขอรอดูอีกที เพราะปีนี้ยังเหลือเวลาอีก 6 เดือน ส่วนงานใหม่ๆ ก็อยู่ที่เราว่าตั้งใจว่าอยากจะได้เพิ่มมากน้อยแค่ไหน เพราะถ้างานเต็มๆ อยู่ก็อาจจะชะลอเข้าประมูล"นายอัศวิน กล่าว
นายอัศวิน กล่าวว่า ปี 50 บริษัทจะยังจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นแน่นอน และหากเป้าหมายรายได้ปีนี้เป็นไปตามที่คาด ก็มีความเป็นไปได้ที่บริษัทน่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลงวดปี 50 ได้สูงกว่างวดปี 49 ที่จ่ายในอัตรา 0.18 บาท/หุ้น
--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--