นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้น โดยมีลุ้นเปิดกระโดดเพื่อชดเชยเมื่อวานนี้ที่ตลาดบ้านเราได้ปิดทำการ และตลาดต่างประเทศต่างปรับตัวขึ้นกันทั่วหน้า และเช้านี้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียก็ยังเคลื่อนไหวในแดนบวก เช่นเดียวกับดาวโจนส์ฟิวเจอร์สที่บวกกว่า 100 จุด เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจต่างออกมาดีขึ้น ทั้งตัวเลข PMI ภาคบริการของจีนที่ออกมาสูงกว่าคาด และตัวเลขการว่างงานของสหรัฐฯก็ออกมาดี
นอกจากนี้ ตลาดฯยังได้โมเมนตัมบวกจากการเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจด้วย แม้บ้านเราจะทยอยเปิดเศรษฐกิจ แต่ทางยุโรปได้เริ่มเปิดให้มีการท่องเที่ยวแล้ว ทำให้หุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว, สายการบิน, โรงแรม, การเงิน รวมถึงแบงก์ ต่างเริ่มขยับขึ้นไป แม้ตลาดฯยังมีความเสี่ยงจากสถานการณ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่มีอย่างต่อเนื่อง แต่ก็มองเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ส่วนการประท้วงในสหรัฐฯก็เป็นเรื่องเฉพาะตัว พร้อมให้จับตาการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันนี้ ซึ่งตลาดคาดว่าจะผ่อนคลายการเงินเพิ่มเติม และจับตาการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัสโอเปกในสัปดาห์นี้ด้วย รวมถึงทิศทางราคาน้ำมัน
สำหรับบ้านเรามองว่าวันนี้หุ้นที่ยัง Laggard ก็จะฟื้นตัวขึ้นได้ หลังจากที่นักลงทุนต่างชาติได้ซื้อสุทธิต่อเนื่อง และมองหุ้นในกลุ่มแบงก์ และหุ้น AOT น่าจะขึ้นนำตลาดได้ ส่วน Valuation ของตลาดที่แพง เวลานี้นักลงทุนก็ไม่ค่อยจะสนใจ เพราะเล่นบน Sentiment มากกว่า
พร้อมให้แนวรับ 1,374 จุด ส่วนแนวต้าน 1,390-1,395 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (3 มิ.ย.63) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,269.89 จุด พุ่งขึ้น 527.24 จุด (+2.05%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,122.87 จุด เพิ่มขึ้น 42.05 จุด (+1.36%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,682.91 จุด เพิ่มขึ้น 74.54 จุด (+0.78%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 271.38 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 8.47 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 318.22 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 53.78 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 34.64 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 33.18 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 3.16 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 14.09 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (2 มิ.ย.63) 1,374.18 จุด เพิ่มขึ้น 21.81 จุด (+1.61%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,096.46 ล้านบาท เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.63
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (3 มิ.ย.63) ปิดที่ 37.29 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 48 เซนต์ หรือ 1.3%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (3 มิ.ย.) อยู่ที่ -1.32 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.63 อ่อนค่าสวนทางสกุลเงินหลัก จับตาตัวเลขเงินเฟ้อไทย-ประชุม ECB คาดกรอบวันนี้ 31.55-31.65
- ททท. ผุด 2 แพ็คเกจเที่ยวไทยกระตุ้นเศรษฐกิจ แพ็คเกจ "กำลังใจ" ให้บุคลากรทางการแพทย์เที่ยวฟรี และ "เที่ยวปันสุข" ให้คนเที่ยวข้ามจังหวัดลุ้น ได้รับสิทธิ์รับเงินเที่ยวฟรีจำนวน 4 ล้านคน คลังแย้มแจกเงินเที่ยว 2-3 พันบาท 10 ล้านคน กระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ หลังจากที่สถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย
- สภาผู้ส่งออกถกสมาคมการค้าและกลุ่มอุตสาหกรรมหนุนไทยเข้าร่วมเจรจา 'ซีพีทีพีพี' หวังสร้างแรงกระตุ้นให้ระบบเศรษฐกิจ การลงทุน และการค้าระหว่างประเทศ พร้อมเดินหน้านำผลประชุมหารือ กกร. 10 มิ.ย. ก่อนเสนอกระทรวงที่เกี่ยวข้องและนายกฯ
- รมช.พาณิชย์ เผยส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ 4 เดือนปี 63 ทำได้มูลค่า 8,147.46 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 114.84% เหตุได้รับอานิสงส์จากการส่งออกทองคำไปเก็งกำไรเพิ่มขึ้นกว่า 350%
- สนพ.จับตาราคาน้ำมัน ชี้ยังผันผวน การผลิตน้ำมันดิบลดลงแต่ความต้องการเพิ่มจากการผ่อนคลายการล็อกดาวน์ของหลายประเทศ ย้ำความขัดแย้งระหว่างจีน-สหรัฐรอบใหม่กระทบเศรษฐกิจภาพรวม
- นายนริศ สถาผลเดชา หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี ธนาคารทหารไทย เปิดเผยการฟื้นตัวของธุรกิจไทยหลังปลดล็อกโควิด-19 ว่า กลุ่มธุรกิจที่จะกลับมาฟื้นตัวได้ในระยะสั้น 3 เดือนต่อจากนี้ ได้แก่ ธุรกิจค้าปลีก ค้าส่ง ที่จำหน่ายของใช้ในชีวิตประจำวัน โรงพยาบาล คลินิก ยารักษาโรค ไอที ไฟฟ้า มีการจ้างงานรวมกัน 4.8 ล้านคน สัดส่วนประมาณ 29.6% และในระยะ 3-6 เดือน ธุรกิจที่ฟื้นตัว ได้แก่ อาหารและเครื่องดื่ม การบริการธุรกิจ รับเหมาก่อสร้าง การขนส่งผู้โดยสารสินค้าทางบกทางเรือ เครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักรกลและชิ้นส่วน เคมีภัณฑ์ พลังงาน มีการจ้างงาน 6.4 ล้านคน สัดส่วน 39.5%
- นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในครึ่งปีหลัง จะเริ่มเห็นผู้ประกอบการรายใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ บจ. นำที่ดินในมือสำหรับสร้างโครงการใหม่ ออกมาขายมากขึ้น เพื่อนำเงินไปใช้หมุนเวียนในโครงการที่กำลังก่อสร้างและโครงการที่เปิดจองล่วงหน้าไปแล้วซึ่งมีสัดส่วนถึง 50% ของจำนวนที่รอขายปัจจุบัน จากเดิมที่ใช้วิธีหาเงินด้วยการออกหุ้นกู้ แต่เนื่องด้วยผลกระทบของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ทำให้ปีนี้ไม่มีใครซื้อหรือกล้าลงทุน
- กสิกรฯ หั่นเป้าอัตราเติบโตเศรษฐกิจไทยปีนี้อีกระลอกจาก -5% เป็น -6% แนวโน้มการบริโภคภาคครัวเรือนชะลอตัว ลงทุนเอกชนซบเซากำลังผลิตเหลือแค่ 55% ประเมินคาดอาจลดดอกเบี้ยนโยบาย ลงอีก ทำให้ดอกเบี้ยต่ำอย่างน้อย 2-3 ปี ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจหลัก ๆ จะกลับมาฟื้นตัวอย่างน้อยรออีก 1 ปี
*หุ้นเด่นวันนี้
- PTTGC (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 50 บาท ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว, คลาย lockdown ช่วยเพิ่มดีมานด์ทั้งฝั่งปิโตรฯและโรงกลั่น และยังได้เปรียบต้นทุนเพราะ PTTGC ใช้ก๊าซเป็นวัตถุดิบราคาจะปรับขึ้นช้ากว่าคู่แข่งที่ใช้แนฟทาซึ่งราคาจะปรับขึ้นตามราคาน้ำมันทันที
- SCC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 380 บาท การ IPO ของ SCGP (บมจ.เอซีจี แพคเกิจจิ้ง) ซึ่งเป็นบ.ย่อยทำธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร (เยื่อและกระดาษ และภาชนะบรรจุอาหาร) รายใหญ่สุดในภูมิภาค ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของ SCC ลดลงจาก 99% เป็น 69-72% แต่จะช่วยปลดล็อกมูลค่ากิจการให้ SCC ทั้งนี้ SCGP มี EBITDA margin (21% ใน Q1/63) สูงสุดในบรรดา 3 ธุรกิจ และเป็นธุรกิจเดียวที่กำไรโตใน Q1/63 (+7% Y-Y) ท่ามกลาง โควิด-19 และ Trade war จนมีสัดส่วน 25% ของกำไรของ SCC เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ที่มีสัดส่วน 16%