นายวรวิทย์ เลิศบุษศราคาม รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ฝ่ายโรงงาน บมจ.ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ (TPIPP) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าจะเข้าร่วมประมูลโรงไฟฟ้าในปีนี้อย่างน้อย 4 -5 โรง กำลังผลิตรวมอย่างน้อย 70 เมกะวัตต์ (MW) โดยจะมาจากโรงไฟฟ้าขยะชุมชนที่บริษัทได้รับการอนุมัติจากกระทรวงมหาดไทย 3 โรง ได้แก่ ที่อ.เมือง และ อ.นากลาง จ.นคราชสีมา และจ.สงขลา อีก 1 แห่ง โดยแต่ละโรงมีกำลังติดตั้ง 10 เมกะวัตต์ รวมทั้งโรงไฟฟ้าประเภท SPP ที่จ.สระบุรี ขนาดการผลิต 40 เมกะวัตต์ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของกระทรวงมหาดไทย
ทั้งนี้ หากบริษัทประมูลได้ก็จะเข้ามาช่วยเสริมโรงไฟฟ้า 4 แห่งที่กำลังจะสิ้นสุดการได้รับส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) ได้แก่ โรงไฟฟ้า TG3 ขนาด 18 เมกะวัตต์ จะสิ้นสุด ม.ค.65 โรงไฟฟ้า TG5 ขนาด 55 เมกะวัตต์ จะสิ้นสุด ส.ค.65 ส่วนโรงไฟฟ้า TG4 และ TG 6 รวมกำลังผลิต 90 เมกะวัตต์ จะสิ้นสุด เม.ย.68
นายวรวิทย์ กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทได้ขยายกำลังการผลิตเชื้อเพลิงขยะ (RDF) เพิ่มอีก 10 แห่ง ใน 10 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา พระนครศรีอยุธยา ระยอง ปทุมธานี สมุทรสาคร สระบุรี เป็นต้น โดยจะทำให้กำลังการผลิต RDF เพิ่มเป็น 4 พันตัน/วัน จากปัจจุบันผลิต 2 พันตัน/วัน และลดการซื้อจากแหล่งอื่น 1 พันตัน/วัน ทำให้มี RDF เพิ่มมา 30% ที่จะเริ่มทยอยเสร็จและเริ่มผลิตได้ในเดือน ก.ค. -พ.ย.63 ทำให้มีรายได้เข้ามาไม่ต่ำกว่า 400 ล้านบาท/ปี และลดต้นทุนการผลิตได้อีกด้วย ทั้งนี้ RDF เป็นการขยายกำลังการผลิตตามความต้องการโรงผลิตปูนซีเมนต์ที่เข้ามาทดแทนถ่านหิน
นายภัคพล เลี่ยวไพรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบัญชีและการเงิน ของ TPIPP กล่าวว่า บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ในปี 63 ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท จาก 1.09 หมื่นล้านบาทในปีก่อน โดยบริษัทไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 แต่ในไตรมาส 1/63 ผลประกอบการลดลงจากไตรมาส 4/62 เนื่องจากการจ่ายไฟให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคลดลงเพราะมีปัญหาสายส่งในช่วงปลายม.ค.- ก.พ.และได้แก้ไขปัญหาแล้ว ทำให้การจ่ายไฟฟ้าได้ดีขึ้น โดยคาดว่าในปีนี้จะมีอัตราการใช้กำลังการผลิต เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 95% จากปีก่อนมีอัตราการใช้กำลังการผลิต 81%
ปัจจุบัน TPIPP มีกำลังการผลิตทั้งหมด 440 เมกะวัตต์