นายวิเวก ดาวัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ (MEGA) เปิดเผยว่า บริษัทคาดปีนี้ทั้งรายได้และกำไร เติบโต 5-10% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1.1 หมื่นล้านบาท และกำไรสุทธิ 1.1 พันล้านบาท หลังจากในไตรมาส 1/63 มียอดขายเติบโต 19% มาที่ 3 พันล้านบาท ขณะที่แนวโน้ม 9 เดือนข้างหน้าก็เชื่อว่าจะไม่ได้รับผลกระทบร้ายแรงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 และมีโอกาสขายเพิ่มขึ้นเพราะในช่วงนี้ผู้บริโภคสนใจสุขภาพมากขึ้นด้วย โดยบริษัทยังมีสินค้าในสต็อกทั้งวิตามิน สมุนไพร และยาจำนวนหนึ่ง
"แนวโน้มครึ่งปีหลังยากที่จะคาดการณ์ อย่างไรก็ดี สินค้ายา เช่น เบาหวาน ความดัน ก็ยังขายได้ ส่วนวิตามินก็ยังขายได้ บางประเทศยอดขายลดลงบ้าง แล้วแต่สถานการณ์แต่ละประเทศ เรายังมั่นใจเป้าเป็นไปได้ 5-10% หรือ single digit... เมื่อโควิดมาธุรกิจอื่นได้รับกระทบ แต่ธุรกิจยา วิตามิน มีผลกระทบน้อยที่สุด"นายวิเวก กล่าว
นายวิเวก กล่าวว่า ส่วนการลงทุนขยายธุรกิจโรงงานผลิตยาในประเทศเมียนมา อยู่ระหว่างการทบทวนการลงทุนอีกรอบ เพราะสถานการณ์เปลี่ยนแปลงทำให้การพิจารณาล่าช้า แต่ก็ยังเจรจากันอยู่ เพราะแนวโน้มตลาดในเมียนมา มีโอกาสเติบโตดี และมีพันธมิตรขายยาอยู่หลายบริษัท และมีทีมงานกระจายทั่วประเทศ ทั้งในตลาดยา อาหารเสริม ทำให้มีโอกาสธุรกิจจะขยายตัวในเมียนมา
ขณะที่การลงทุนในประเทศอินโดนีเซีย ยังไม่ได้มีอะไรคืบหน้าเพราะยังไม่สามารถเดินทางไปยังกรุงจาการ์ตา อินโดนีเซียได้ แต่บริษัทยังมั่นใจว่าน่าจะต่อยอดธุรกิจได้ในอนาคต เพราะอินโดนีเซียมีจำนวนประชากรมาก และแนวโน้มตลาดที่ดี
ปัจจุบัน MEGA ได้เข้าลงทุนในหลายประเทศอาเซียน ขณะที่สัดส่วนยอดขาย เป็นการส่งออก 70% ใน 32 ประเทศ ส่วนใหญ่เป็นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนในไทยมีสัดส่วนยอดขาย 30% มีทั้งผลิตภัณฑ์ We Care และ Maxxcare