(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 68.12 จุด ขานรับผลประกอบการสดใส

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday July 26, 2007 06:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดฟื้นตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (25 ก.ค.) เพราะได้รับปัจจัยบวกจากรายงานผลประกอบการที่สดใสของบริษัทบางแห่ง อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซาหลังจากราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง และเนื่องจากนักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับตลาดปล่อยกู้จำนองในสหรัฐ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ดีดขึ้น 68.12 จุด หรือ 0.50% ปิดที่ 13,785.07 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 7.05 จุด หรือ 0.47% ปิดที่ 1,518.09 จุด และดัชนี Nasdaq ขยับขึ้น 8.31 จุด หรือ 0.31% ปิดที่ 2,648.17 จุด
ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 2.04 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 19 ต่อ 13 ขณะที่ปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 2.53 พันล้านหุ้น
นายริชาร์ด คลิปส์ นักวิเคราะห์จากบริษัทสตีเฟิล นิโคเลาส์ กล่าวว่า "นักลงทุนขานรับรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดของบริษัทอเมซอนซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกทางเว็บไซท์ และบริษัทโบอิ้งซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่ของสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากข่าวการซื้อกิจการของบริษัทซีเมนส์ เอจี ซึ่งเป็นบริษัทด้านวิศวกรรมของเยอรมี และบริษัทเวชภัณฑ์ เมิร์ก แอนด์ โค"
อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการซื้อขายได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นรุนแรงถึง 2.32 ดอลลาร์ แตะระดับ 75.88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากกระทรวงพลังงานเปิดเผยว่าปริมาณน้ำมันดิบสำรองร่วงลงอย่างหนัก
"นักลงทุนยังคงกังวลว่าปัญหาที่เกิดขึ้นกับตลาดปล่อยกู้จำนองให้กับลูกค้าที่ขาดความน่าเชื่อถือ (ซับไพร์ม) ในสหรัฐอาจส่งผลกระทบไปถึงตลาดสินเชื่อภายในประเทศ หลังจากบริษัทไครสเลอร์ กรุ๊ปประกาศเลื่อนขออนุมัติวงเงินกู้มูลค่า 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อซื้อบริษัทจากเดมเลอร์ไครสเลอร์ เอจี" นายคลิปส์กล่าว
นอกจากนี้ สมาคมนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์รายงานว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนมิ.ย.ร่วงลง 3.8% สู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 4 ปี ซึ่งตัวเลขดังกล่าวยิ่งตอกย้ำว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐอาจถดถอยลงรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเบื้องต้น
ทั้งนี้ หุ้นซีเมนส์ เอจี ร่วงลง 5.4% และหุ้นเดด เบห์ริง พุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 32.5% หลังจากมีข่าวว่าบริษัทซีเมนส์ เอจีจะขายกิจการบางส่วนให้กับบริษัทคอนติเนนตัล เอจีของเยอรมนี มูลค่า 1.56 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อนำเงินไปซื้อกิจการบริษัทเดด เบห์ริง ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านการแพทย์ มูลค่า 7 พันล้านดอลลาร์
ส่วนหุ้นเมิร์กทะยานขึ้น 3.2% จากข่าวที่ว่าบริษัทเมิร์กตกลงซื้อกิจการบริษัทโนวาคาร์เดีย อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์คลินิก มูลค่า 350 ล้านดอลลาร์ โดยเมิร์กกล่าวว่าบริษัทจะเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ผลประกอบการปี 2550 เมื่อการซื้อกิจการโนวาคาร์เดียแล้วเสร็จ
หุ้นโบอิ้งพุ่งขึ้น 3.3% หลังจากโบอิ้งเปิดเผยกำไรไตรมาส 2 มูลค่า 1.1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว นอกจากนี้ โบอิ้งยังปรับเพิ่มคาดการณ์ผลกำไรปี 2550 และหุ้นอเมซอนพุ่งขึ้น 24.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลกำไรไตรมาส 2 ที่แข็งแกร่งเกินคาด

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ