นายวสันต์ อิทธิโรจนกุล กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไพโอเนียร์ มอเตอร์ (PIMO) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาเข้าซื้อและควบรวมกิจการที่เกี่ยวเนื่อง (M&A) คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลังนี้อย่างน้อย 1 ดีลจากที่เจรจาอยู่ 4 ราย โดยจะเป็นธุรกิจที่เข้ามาช่วยสนับสนุนธุรกิจหลักและต่อยอดการเติบโตให้กับบริษัท
สำหรับทิศทางผลประกอบการในปีนี้ บริษัทยังมั่นใจว่ารายได้จะเติบโตได้ตามเป้าหมาย 20% แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาจะมีการชะลอตัวไปบ้างจากมาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโควิด-19 รุนแรง ทำให้การส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้าล่าช้า แต่ปัจจุบันเริ่มกลับมาทยอยส่งมอบสินค้าได้ตามปกติแล้ว และยังมีออแดอร์จากลูกค้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะลูกค้าจากออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ที่ทยอยสั่งออเดอร์เข้ามาเพิ่มขึ้นกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยส่งมอบในช่วงครึ่งปีหลังนี้
"ตอนนี้ก็ทยอยส่งมอบสินค้าตามออเดอร์ลูกค้าสั่งได้แล้ว หลังจากล่าช้าไปบ้างในช่วงล็อกดาวน์ ซึ่งเราก็ติดตามการส่งมอบสินค้าอยุ่ตลอด เพื่อทำให้เราสามารถรับรู้รายได้ได้ตามแผน"นายวสันต์ กล่าว
ปัจจุบันสัดส่วนรายได้จากการส่งออกของบริษัทยังเพิ่มขึ้นเป็น 40% จากเดิมที่ 20% ซึ่งมีกลุ่มลูกค้าจากตลาดใหม่เข้ามาเพิ่มเติมเพิ่มขึ้น คือ สหรัฐฯ จากกลุ่มลูกค้าเดิม คือ ออสเตรเลีย ยุโรป ฮ่องกง ญี่ปุ่น และกลุ่มประเทศในอาเซียน โดยสัดส่วนรายได้หลักมาจากกลุ่มสินค้าประเภทมอเตอร์ปั้มน้ำมากที่สุด 63.11% และมอเตอร์เครื่องปรับอากาศที่ 30.27%
ขณะที่บริษัทยังเดินหน้าขยายตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากเป็นกลุ่มตลาดที่มีศักพภาพการขยายการลงทุนในด้านต่างๆ และมีโรงงานอุตสาหกรรมเกิดขึ้นมาก ทำให้เป็นโอกาสของบริษัทในการส่งออกสินค้าไปจำหน่ายให้กับกลุ่มอุตสาหกรรม โดยล่าสุดบริษัทได้จดเครื่องหมายการค้าแบรนด์ PIONEER ในเวียดนามเพื่อทำให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น
ส่วนการลงทุนในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ที่ 26 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะนำไปใช้ซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตสินค้า เช่น หุ่นยนต์หยิบชิ้นงานแผนกฉีดอลุมิเนียม หุ่นยนต์หยิบชิ้นงานแผนกแกน และหุ่นยนต์หยิบขิ้นงานแผนกเปลือก เป็นต้น