บมจ.ไทยสแตนเลย์การไฟฟ้า(STANLY)ตั้งความหวังได้ออร์เดอร์เพิ่มจากโครงการอีโคคาร์ด้วยความที่บริษัทเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ไฟส่องสว่างให้กับค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นอยู่แล้ว แต่ยังเป็นเรื่องระยะยาวที่จะเกิดในปี 52 ส่วนรายได้ปี 50/51 จะใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 9.7 พันล้านบาท รอลุ้นยอดขายมอเตอร์โชว์ปลายปี ปีนี้ตั้งงบลงทุน 800-1,000 ล้านบาทปรับปรุงและซ่อมแซมเครื่องจักร คาดงวดปี 51/52 ยอดออร์เดอร์เพิ่มจากรถหลายค่ายเปลี่ยนรุ่นและโรงงานใหม่แล้วเสร็จช่วยเพิ่มกำลังผลิตได้ชัดเจน
"พอมีเรื่องภาษีอีโคคาร์พวกค่ายรถก็จะผลิตรถเพิ่มขึ้นอีกรุ่นอีกประเภทหนึ่ง ซึ่งปกติ STANLY จะเป็นคนทำไฟหน้าไฟท้าย หรืออุปกรณ์ไฟให้กับบรรดารถที่ผลิตอยู่ในประเทศไทย เช่น ฮอนด้า โตโยต้า ซูซูกิ ซึ่งพวกนี้เป็นลูกค้าเราอยู่แล้วก็มีโอกาสที่ STANLY จะได้ออเดอร์หรือได้ทำผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น"น.ส.รัตนาภรณ์ บุญวงศ์ นักลงทุนสัมพันธ์ STANLY กล่าว
ปัจจุบัน กลุ่ม HONDA เป็นลูกค้าหลักที่สั่งซื้อไฟหน้าไฟท้ายรถยนต์ทุกรุ่น ทั้ง CRV JAZZ ACCORD CITY CIVIC ส่วนค่าย TOYOTA ผลิตให้กับรถยนต์รุ่น Vios
อย่างไรก็ตาม โครงการอีโคคาร์กว่าจะมีรายได้เข้ามาก็ประมาณปี 52 เพราะรถแต่ละรุ่นต้องใช้เวลาออกแบบและพัฒนาไม่ต่ำกว่า 1 ปี แต่ลูกค้าอาจจะทำได้เร็วกว่านั้นหากผู้ผลิตรถยนต์(Car Maker)นำเข้าชิ้นส่วนหลักจากญี่ปุ่นมาประกอบในไทย แต่หากผลิตเองก็จะต้องยื่นขอส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ที่จะต้องลงทุนครบวงจร ก็อาจทำให้ระยะเวลาการผลิตต้องขยายออกไป
"ตอนนี้เพิ่งเริ่มมีคำตัดสินออกมาว่าจะใช้ภาษีเท่าไรและจะมีผลอีกทีประมาณปี 52 ค่ายรถก็ต้องไปเตรียมรถ เตรียมรายการผลิต ซึ่งถ้ามองในแง่ของบริษัทตอนนี้เราก็ยังไม่ได้มีการส่งสัญญาณว่า OK เราได้ทำเลยรถรุ่นนั้นรุ่นนี้ แต่ก็มีโอกาสเป็นไปได้"นางรัตนาภรณ์ กล่าว
*ปี 50/51 ยอมรับยังต้องลุ้นเป้ารายได้ 7.9 พันลบ./มองงวดปีหน้าดีขึ้นแน่
นางรัตนาภรณ์ กล่าวว่า รายได้ปี 50/51 ที่ประมาณการไว้น่าจะใกล้เคียงกับปีที่แล้วที่ 7.9 พันล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจะโต 5% เนื่องจากอุตสาหกรรมยานยนต์ชะลอตัวจากปัจจัยการเมืองที่กระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจ ซึ่งรายได้ของ STANLY ก็คงต้องกระทบไปด้วย เพราะผลิตสินค้าให้กับค่ายรถยนต์เป็นหลัก แต่บริษัทจะพยายามรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ 19-20% ใกล้เคียงปีก่อนเช่นกัน
งวดปี 49 (เม.ย.49- สิ้นมี.ค. 50) STANLY มีกำไร 1,000 กว่าล้านบาท
ด้านกำลังการผลิตของบริษัทขึ้นอยู่กับแผนออเดอร์ของลูกค้า ซึ่งในปีนี้ลูกค้าส่วนใหญ่ปรับประมาณลดลง รายได้ทั้งปีที่ตั้งเป้าใกล้เคียงปีที่แล้ว 7.9 พันล้านบาทมีโอกาสที่จะพลาดเป้า เพราะการเติบโตของบริษัทต้องมองทั้งอุตสาหกรรมรถยนต์ ซึ่งเท่าที่เห็นอุตสาหกรรมมีแนวโน้มลดลง
"ประมาณการการเติบโตปีนี้ ตอนแรกตั้งเป้าว่าน่าจะเท่าเดิมที่ปกติจะโต 5% ต่อปี แต่ปีที่แล้วลดลง 2-3% จากปีก่อน ซึ่งปี 49 ถือว่าไม่โต พอมาปีนี้เท่าที่ดูผลที่ประกาศออกมาจำพวกอุตสาหกรรมยานยนต์ไตรมาส 1/50 ก็ไม่โต ลดลงกันทั้งนั้น ซึ่งก็ต้องรอดูต่อไป เพราะตอนนี้การเมืองดีขึ้นเศรษฐกิจอาจจะกลับมาดีก็เป็นไปได้ ต้องดูระยะไกลๆ อีกนิดหนึ่ง" น.ส.รัตนาภรณ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ไตรมาส 4 ของทุกปีเป็นช่วง high season ปีนี้ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะช่วงปลายปีจะมีงานมอเตอร์โชว์ ค่ายรถจะรีบออกโมเดลใหม่มาโชว์ น่าจะกระตุ้นยอดขายรถยนต์ได้มาก ก็จะส่งผลดีต่อรายได้ของบริษัทด้วย ซึ่งปีนี้ไม่ค่อยมีรถรุ่นใหม่เปิดตัวมามากเท่าปีก่อน แต่ก็คาดว่าในช่วงปลายปีก็อาจจะมีเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ 1-2 รุ่น เช่น Ford
"มอเตอร์โชว์เดือน ธ.ค.ถ้าค่ายรถได้ยอดออเดอร์เยอะก็จะสั่งเรามากขึ้นอาจจะเป็นช่วงเดือน 2-3 ที่จะต้องส่งของให้ค่ายรถ ซึ่งก็เป็นไตรมาส 4/50 ของเรา คืองวด ม.ค.-มี.ค.51"น.ส.รัตนาภรณ์ กล่าว
ปี 50 คาดว่าน่าจะยังมีการจ่ายปันผลได้ถ้ามีกำไรอยู่ โดยปี 49 จ่ายปันผลที่อัตรา 4.85 บาท/หุ้น
*คาดโรงงานโคมไฟแห่งใหม่เริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ปลายปี 50
น.ส.รัตนาภรณ์ กล่าวว่า โรงงานโคมไฟแห่งใหม่น่าจะเริ่มผลิตในเชิงพาณิชย์ได้ปลายปี 50 โดยในช่วงเริ่มต้นกำลังการผลิตอาจจะยังเพิ่มไม่มาก คาดว่าจะผลิตได้เต็มที่ในปีหน้า เพราะต้องรอดูออเดอร์ของลูกค้า จากปัจจุบันกำลังการผลิตโคมไฟอยู่ที่ 45 ล้านชิ้นต่อปี ซึ่งใช้กำลังการผลิตเต็มที่แล้ว
นอกจากนั้น ปีนี้บริษัทยังตั้งงบลงทุนที่ 800-1,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามปกติทุกปีอยู่แล้ว โดยเน้นการลงทุนในด้านเครื่องจักรเครื่องมือ แม่พิมพ์ และการบำรุงรักษาโรงงานเดิม รวมทั้งปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต
ทั้งนี้ บริษัทมีมาร์เก็ตแชร์ในส่วนของโคมไฟรถยนต์อยู่ที่ 60% โคมไฟรถจักรยานยนต์ประมาณ 90% ในตลาดรถญี่ปุ่น ซึ่งขณะนี้บริษัทกำลังสนใจที่จะผลิตให้กับค่ายรถยุโรปเพิ่มขึ้น หลังจากส่งงานบางส่วนให้กับ Ford
น.ส.รัตนาภรณ์ คาดว่าปี 51 ออเดอร์จะเข้ามาจำนวนมากเพราะค่ายรถยนต์ที่เป็นลูกค้ามีแผนเปลี่ยนโมเดลรถยนต์รุ่นใหม่ เช่น HONDA โดยปีหน้าน่าจะมีโมเดลใหม่ออกมามากพอสมควร หากไม่มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ก็คาดว่ารายได้ปีหน้าน่าจะมากกว่าปีนี้ แต่ก็ต้องติดตามเหตุการณ์ทุกเดือนจากเดิมประเมินจากครึ่งปีหรือ 1 ปี
--อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--