นายอิศรา พุฒตาลศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ. วี เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่าย กองทุนเปิด วี คอมเพล็กซ์ รีเทิร์น 6M1 ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (WE-CRETURN6M1-UI) ระหว่างวันที่ 11-12 มิถุนายน 2563 โดยกองทุนจะเน้นลงทุน ในหุ้นกู้อนุพันธ์ประเภท Fixed Coupon Note (FCN) อายุโครงการประมาณ 6 เดือน เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนสูงขึ้นจากมุมมองทิศทางของราคาหุ้นต่างประเทศที่ปัจจัยพื้นฐานดี ผลตอบแทนประมาณ 10%
ด้านมุมมมองต่อตลาด บลจ.วี ประเมินว่า จากสถานการณ์การระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19อัตราผู้ติดเชื้อเริ่มคงที่ หลายประเทศเริ่มผ่อนคลายนโยบายให้ธุรกิจกลับมาดำเนินการได้ ประกอบกับออกมาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จากทั้งการผ่อนคลายนโยบายการเงิน และอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบผ่านนโยบายการคลัง ส่งผลให้หลายๆประเทศเริ่มกลับมามีกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และจากเสถียรภาพของราคาน้ำมันที่เริ่มฟื้นตัวจากอุปสงค์ที่เริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้น เป็นปัจจัยที่ผลักดันให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัว ดีขึ้น สนับสนุนภาวะให้นักลงทุนเริ่มกลับเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงได้มากขึ้น(Risk-on)
"ช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้น Global Stock ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว อาทิเช่น หุ้นกลุ่มเทคโนโลโลยี และเฮลท์แคร์ การเลือกลงทุนหุ้นรายตัวผู้ลงทุนอาจมีความกังวลกับระดับราคาที่สูงในแง่ของ Valuation โดย บลจ.วี มีมุมมองว่า หุ้น Global Stock ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี หากมีการขายทำกำไร การปรับตัวลงของราคาจะไม่มากนัก ดังนั้น ผลิตภัณฑ์การลงทุนที่อ้างอิงผลการดำเนินงานกับหุ้น Global Stock ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับประโยชน์การคลาย Lockdown จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจในการสร้างโอกาสผลตอบแทนในช่วงนี้
ดังนั้น บลจ.วี จึงเสนอขายกองทุนเปิด วี คอมเพล็กซ์ รีเทิร์น 6M1 ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (WE-CRETURN6M1-UI) ลงทุนในหุ้นกู้อนุพันธ์ประเภท Fixed Coupon Note (FCN) ที่สร้างโอกาสจากการจ่ายดอกเบี้ยในอัตราคงที่ของตราสารประมาณ 10% ต่อปี และคืนเงินต้นโดยอ้างอิงกับผลการดำเนินงานของหุ้น Global Stock ที่มีคุณภาพ
ทั้งนี้ กองทุน WE-CRETURN6M1-UI คาดว่าจะลงทุนในหุ้นกู้อนุพันธ์ที่ออกโดยสถาบันการเงินที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ Investment Grade ที่มีฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง 3 ราย ได้แก่ 1) Societe Generale ซึ่งธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในประเทศฝรั่งเศส 2) EFG International Finance ธนาคารในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ที่เน้นบริการบริหารความมั่งคั่งส่วนบุคคล (Private Banking) และบริหารจัดการกองทุน และ 3) Leonteq Securities AG สถาบันการเงินในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการเงินและเทคโนโลยี ในสัดส่วนผู้ออกละประมาณ 33% ของพอร์ตการลงทุน
ตราสารหนี้อนุพันธ์ดังกล่าวจะคืนเงินต้นโดยอ้างอิงกับผลการดำเนินงานของตะกร้าหลักทรัพย์ใน 3 กลุ่มอุตสาหกรรม คือ 1.) หุ้นเทคโนโลยี ได้แก่ NVIDIA Corporation (NVDA) , Advanced Micro Devices Inc (AMD US) ,และ Micon Technology Inc (MU US) 2.) หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ ได้แก่ Teladoc Health, Inc (TDOC US) , Gilead Sciences, Inc (GILD US) , และ Abbott Laboratories (ABT US) และ3.) หุ้นกลุ่มอุปโภคบริโภค ได้แก่ Starbuck Corporation (SBUX US) , Master Card, Inc (MA US) Nike, Inc (NKE US) ซึ่งเป็น 3 กลุ่มธุรกิจที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งในการสนับสนุนการเติบโต และเชื่อว่าราคาหุ้นดังกล่าวจะไม่ปรับตัวลงมากกว่า 20% จากระดับราคาปัจจุบัน
ทั้งนี้ เมื่อครบกำหนดอายุตราสาร FCN ประมาณ 6 เดือน กองทุน WE-CRETURN6M1-UI มีการไถ่ถอนตราสารและการชำระราคา เมื่อเกิดกรณี ดังนี้
กรณีที่ 1 : ผลการดำเนินงานของหุ้นที่เป็นหลักทรัพย์อ้างอิง (Underlying) ที่มีผลการดำเนินงานต่ำที่สุดในตะกร้าหลักทรัพย์ (Basket) ณ วันครบอายุตราสารมากกว่าหรือเท่ากับ ร้อยละ 80 ของมูลค่าหุ้นอ้างอิงเริ่มต้น กองทุนรับเงินต้นพร้อมกับดอกเบี้ยจากตราสาร ณ เดือนที่ 6 ซึ่งเป็นการจ่ายผลตอบแทนในอัตราคงที่ (Fixed Coupon) ที่ 10% ต่อปี คือ ที่มูลค่าหน่วยลงทุนอย่างน้อย 10.50 บาทต่อหน่วย ด้วยการรับซื้อหน่วยลงทุนอัตโนมัติทั้งหมดให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนและปิดกองทุน
กรณีที่ 2 : ผลการดำเนินงานของหุ้นที่เป็นหลักทรัพย์อ้างอิง (Underlying) ที่มีผลการดำเนินงานต่ำที่สุดในตะกร้าหลักทรัพย์ (Basket) ณ วันครบอายุตราสารต่ำกว่า ร้อยละ 80 ของมูลค่าหุ้นอ้างอิงเริ่มต้น กองทุนรับดอกเบี้ยจากตราสาร และตัวหุ้นที่มีผลการดำเนินงานต่ำสุดเข้าไปในพอร์ต โดยกองทุนจะจ่ายผลตอบแทนในอัตราคงที่ (Fixed Coupon) ที่ 10% ต่อปี โดยวิธีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติเข้าบัญชีผู้ถือหน่วยลงทุน ประมาณ 0.50 บาทต่อหน่วยลงทุน
กองทุนรับส่งมอบหุ้นที่มีผลการดำเนินงานต่ำสุด ในราคา strike price (80% ของราคาเริ่มต้น) และเป็นกองทุนเปิด โดยผู้ถือหน่วยลงทุนสามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการ และปิดกองทุนเมื่อราคาหน่วยลงทุนแตะระดับ 10.50 บาท โดยการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติไปยังกองทุน WE-MONEY-R
"บลจ.วี มองว่ากลุ่ม กลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งได้รับผลกระทบที่ต่ำจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19กลุ่มเฮลท์แคร์ที่ยังมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และกลุ่มอุปโภคบริโภคที่ได้ประโยชน์จากการผ่อนคลายนโยบายของรัฐบาล ทำให้การลงทุนในตราสารหนี้อนุพันธ์ที่อ้างอิงหุ้นกลุ่มดังกล่าวเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการโอกาสผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนในหุ้นต่างประเทศ" นายอิศรา กล่าว