นายจักรพงส์ สุเมธโชติเมธา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สากล เอนเนอยี (SKE) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจรายได้ปีนี้จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 50% จากปีก่อนที่มีรายได้ 394.10 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากการที่บริษัทสามารถรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าชีวมวลแม่กระทิง ก็คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้เข้ามาเต็มปี หลังเริ่มจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ในเดือน ส.ค. 62 ในขณะเดียวกันธุรกิจผลิตและจำหน่ายก๊าซไบโอมีเทนอัด (CBG) ที่จะมีการดำเนินธุรกิจอย่างเต็มที่ หลังเริ่มดำเนินการในเดือน ธ.ค.62
ในส่วนของธุรกิจสถานีก๊าซธรรมชาติหลักเอกชน (PMS) ให้บริการอัดก๊าซธรรมชาติ (NGV) ยอมรับว่าได้รับผลกระทบตั้งแต่ช่วงไตรมาส 1/63 และคาดว่าจะได้รับผลกระทบมากในช่วงไตรมาส 2/63 จากการประกาศปิดเมือง (Lockdown) จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19, ภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง, ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง ส่งผลกระทบต่อปริมาณการใช้ NGV ภายในประเทศ ทำให้ปริมาณการอัดก๊าซของบริษัท ให้กับรถขนส่งของบมจ.ปตท. (PTT) มีปริมาณลดลง โดยในปีนี้บริษัทคาดว่าปริมาณการอัดก๊าซจะลดลงเหลือ 300 ตัน/วัน จากเดิมคาดว่าจะอยู่ที่ 520 ตัน/วัน
"แม้ว่าปริมาณการอัดก๊าซ NGV จะลดลง แต่อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงมีสัญญาขั้นต่ำกับทาง ปตท.ที่ 520 ตัน/วัน จึงจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ในขณะเดียวกันเรายังมีรายได้จากธุรกิจ CBG และโรงไฟฟ้าที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องเข้ามาชดเชย จึงคาดว่าปีนี้รายได้จะยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่เติบโต 50% ได้ โดยทิศทางธุรกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้นหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย และในครึ่งปีหลังผลประกอบการจะฟื้นตัวขึ้น"นายจักรพงส์ กล่าว
ทั้งนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจาเข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้า ซึ่งคาดว่าจะสามารถได้ข้อสรุปการเข้าซื้อในปีนี้กำลังการผลิต 5-10 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์ ซึ่งมีสัญญาขายไฟฟ้าอยู่ที่ 8 เมกะวัตต์ ให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) โดยบริษัทยังคงมั่นใจจะทำได้ตามเป้าหมายที่กำลังการผลิต 30 เมกะวัตต์ในปี 65