นายสมประสงค์ ปัญจะลักษณ์ ประธานกรรมการ บมจ.ไพร์ม โรด เพาเวอร์ (PRIME) กล่าวว่า บริษัทฯ คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/63 จะเติบโตดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีการรับรู้รายได้จากการเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ (COD) ของโครงการหยุนหลิน เฟส 1 (Yunlin) ประเทศไต้หวัน กำลังการผลิต 6.0 เมกะวัตต์ (MW) ที่เปิดดำเนินการเมื่อปีที่แล้วเข้ามาเต็มปี แต่ผลงานคาดจะทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/63 จากไม่มีการ COD โรงไฟฟ้าเข้ามาเพิ่ม
ทั้งนี้ การพัฒนาโครงการ ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์บนคลองชลประทาน (โครงการหยุนหลิน เฟส 2) กำลังการผลิต 2.5 เมกะวัตต์ ประเทศไต้หวัน, โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย จำนวน 132.3 เมกะวัตต์, โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น จำนวน 68.2 เมกะวัตต์ และก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ จังหวัดกัมปงชนัง ประเทศกัมพูชา กำลังการผลิตติดตั้ง 78 เมกะวัตต์ โดยมีสัญญาจำหน่ายไฟ 60 เมกะวัตต์ คาดว่าจะ COD ได้ในไตรมาส 2/65
ขณะที่ธุรกิจรับติดตั้งโครงการโซลาร์รูฟท็อป (EPC) ที่ผ่านมาก็มีการจับมือกับพันธมิตร CONSTANT ENERGY เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) ภายในประเทศ จำนวนมากกว่า 30 เมกะวัตต์ โดยโปรเจ็คแรกที่จะเริ่มดำเนินการภายในเดือนมิ.ย.นี้ จะมีราว 1 เมกะวัตต์ และยังมีพันธมิตรที่เป็นลักษณะผู้ลงทุนรายใหญ่เข้ามาอีกพอสมควร (Investor) รวมถึงยังมองโอกาสขยายการลงทุนไปในต่างประเทศ ที่ PRIME มีโรงไฟฟ้าอยู่แล้วด้วย
อย่างไรก็ตามบริษัทก็มองหาโอกาสเข้าซื้อกิจการ (M&A) ซึ่งน่าจะเห็นความชัดเจนในรายละเอียดมากขึ้นในปีนี้หรือปีหน้า
พร้อมกันนี้จากโครงการดังกล่าวก็น่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เป้าหมายกำลังการผลิตติดตั้งในปี 68 เพิ่มเป็น 1,000 เมกะวัตต์จากสิ้นปีนี้คาดมีกำลังการผลิตติดตั้งรวมเป็น 400 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้าในมือ 287 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น COD แล้วจำนวน 179 เมกะวัตต์ และอยู่ะหว่างการพัฒนาและก่อสร้างรวม 108 เมกะวัตต์
นายสมประสงค์ กล่าวว่า บริษัทฯ ยังคงเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 52% แตะ 1,000 ล้านบาท โดยจะมาจากการจำหน่ายไฟฟ้า 700 ล้านบาท และ EPC 300 ล้านบาท