LALIN ส่ง 2 โครงการแนวราบใน Q3/63 ตอบรับ New Normal หนุนตลาด Real Demand

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday June 11, 2020 16:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บมจ.ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ (LALIN) เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปกลายเป็น New Normal ที่จะเกิดขึ้นจากมาตรการเว้นระยะห่าง (Physical Distancing) การทำงานและเรียนหนังสืออยู่ที่บ้าน (Work-Learn from Home) รวมถึงกิจกรรมบางอย่างที่มีการปฏิสัมพันธ์กันก็จะมี New Way of Life ที่จะเชื่อมต่อกันได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องมาพบปะกันด้วยการหันมาใช้ระบบออนไลน์ทดแทน ทำให้ความต้องการของผู้บริโภคเปลี่ยนไปจากเดิม

ปัจจัยดังกล่าวทำให้ความคิดของลูกค้าเปลี่ยนไปจากที่เคยให้ความสำคัญในเรื่องของ Sharing Economy มีการแชร์พื้นที่ แชร์สินค้าและบริการกัน เมื่อเกิดการระบาดของโควิด-19 มีการล็อกดาวน์ ความต้องการจึงเปลี่ยนกลับมาต้องการพื้นที่ส่วนตัวมากขึ้นเพื่อตอบ New Normal ที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในแง่ของการดีไซน์และฟังก์ชันของการอยู่อาศัย โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยแนวราบซึ่งเป็นตลาดของกลุ่มที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง (Real Demand)

จากความต้องการซื้อโครงการแนวราบที่เพิ่มขึ้น ทำไห้บริษัทมองเห็นถึงโอกาสในการเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังอีก 4-6 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 1.5-2 พันล้านบาท ซึ่ง 2 โครงการแนวราบที่จะประเดิมเปิดในช่วงไตรมาส 3/63 คือ โครงการ ลลิล ทาวน์ แลนซิโอ คริป บางนา-เทพารักษ์ เป็นโครงการบ้านเดี่ยวดีไซน์หรู King Size 4 ห้องนอนสไตล์ฝรั่งเศส โดดเด่นด้วยแบบบ้านดีไซน์ใหม่ในสไตล์ Modern Geometry ที่ผสมผสานความสวยงามกับการออกแบบพื้นที่ใช้สอยแบบใหม่ ตอบรับทุกช่วงวัยอย่างมีระดับ ให้สมาชิกอยู่รวมกันอย่างมีความสุขราคาขาย 3-6 ล้านบาท

ส่วนอีกหนึ่งโครงการ คือ โครงการไลโอ บลิสซ์ บางนา-เทพารักษ์ ทาวน์โฮมแบบใหม่ล่าสุด ฟังก์ชัน Modern GeoMetry ที่ดีไซน์ด้วยลายเส้นที่ลงตัว สไตล์ของ เลอ กอร์บูซีเย (Le Corbusier) พร้อมฟังก์ชันภายในที่สอดคล้องกับการใช้ชีวิตของทุกวัย บนทำเลศักยภาพเชื่อมต่อสู่เมืองได้สะดวก ราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท

สำหรับการพัฒนาสินค้าได้มีการปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยภายใน เพื่อรองรับการทำงานที่บ้าน โดยมีห้องเอนกประสงค์ที่สามารถตอบโจทย์ได้ไม่ว่าจะเป็น Work from Home หรือ Learn from Home หรือจะปรับเป็นห้องนอนก็ยังสามารถทำได้ โดยปรับฟังก์ชันห้องให้เป็น Flexible Function เพื่อให้ลูกค้าสามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยได้ เช่น ทาวน์เฮ้าส์ 4 ห้องนอน สามารถปรับห้องนอนที่ 4 ให้เป็นห้องทำงาน ที่ตอบโจทย์หนุ่มสาวคนรุ่นใหม่ที่กลางวันทำงานประจำและใช้เวลากลางคืนในการทำงานฟรีแลนซ์ ทำให้สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี

ขณะที่ทั้งปี 63 บริษัทยังคงเป้ายอดขายไว้ที่ 6.2 พันล้านบาท และคงเป้ารายได้ที่ 5.25 พันล้านบาท เติบโต 13% จากปีก่อน ซึ่งจะมีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ที่รอรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงครึ่งปีหลังนี้อีก 700-800 ล้านบาท ซึ่งเป็น Backlog ทั้งหมดในปัจจุบัน ประกอบกับการระบายสต็อกพร้อมโอนอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ ซึ่งบริษัทมีมูลค่าสต็อกที่พร้อมโอนอยู่กว่า 1 หมื่นล้านบาท

"หากมองไปที่ Next Normal ของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ภาพรวมของตลาดที่ยังพอไปได้ในกลุ่มของ Real Demand ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบหรือแนวสูง ถ้าหากพัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์ลูกค้าในราคาที่จับต้องได้ ยังเชื่อว่าตลาดก็ยังพอไปได้ โดยเฉพาะบ้านแนวราบ ซึ่งได้รับผลดีจากการที่ผู้บริโภคต้องการใช้พื้นที่ส่วนตัวเพิ่มจากการที่ต้องใช้ชีวิตอยู่กับบ้านมากขึ้น ซึ่งเราได้วางแผนและปรับตัวรับมือกับภาวะตลาดชะลอตัวมาอย่างต่อเนื่อง"นายชูรัชฏ์ กล่าว

ขณะเดียวกันบริษัทยังคงมีขยายการลงทุนอย่างระมัดระวังในภาวะที่เผชิญกับปัจจัยที่สร้างความไม่แน่นอน โดยพยายามรักษาสัดส่วนหนี้ต่อทุน (D/E) ไม่ให้เกิน 1 เท่า ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 0.8 เท่า และให้ความสำคัญเป็นพิเศษในเรื่องของการบริหารจัดการสภาพคล่อง โดยมีการบริหารสต็อกอย่างเหมาะสม รองรับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง ทำให้บริษัทมีสถานะทางการเงินที่เข้มแข็งที่จะสามารถผ่านวิกฤตินี้ไปได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ