นายสุรยุทธ ทวีกุลวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่สายการเงิน บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้จากธุรกิจระบบขนส่งมวลชนงวดปี 63/64 (1 เม.ย.63-31 มี.ค.64) จะอยู่ที่ราว 33,800 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 32,076 ล้านบาท โดยจะมีรายได้จากการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง 20,000 ล้านบาท จากปีก่อน 16,900 ล้านบาท และจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการรับจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงของรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือและสีเขียวใต้ 5,200 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้ 3,700 ล้านบาท หรือเติบโตราว 40%
ในขณะเดียวกันยังมีรายได้จากการให้บริการติดตั้งงานระบบและการจัดหารถไฟฟ้าขบวนใหม่ของโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวใต้และสีเขียวเหนือ มูลค่า 6,000 ล้านบาท จากปีก่อน 8,300 ล้านบาท และจะรับรู้รายได้จากเงินลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท (BTSGIF) จำนวน 2,600 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทได้เตรียมงบลงทุนจำนวน 26,000 ล้านบาทเพื่อใช้ลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลือง
อย่างไรก็ตาม บริษัทยอมรับว่ายังไม่สามารถคาดการณ์จำนวนผู้โดยสารในงวดปีนี้ได้ เนื่องจากสถานการณ์ยังมีความไม่แน่นอนค่อนข้างมาก จากผลกระทบของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยในช่วงเดือน เม.ย. มีปริมาณผู้โดยสารอยู่ที่ 1 แสนเที่ยวคนต่อวัน ถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำที่สุดแล้ว ขณะที่เดือน พ.ค. ตัวเลขผู้โดยสารเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ยมาที่ 3.5-4 แสนเที่ยวคนต่อวัน และคาดว่าในเดือน ก.ค.จะมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นตามลำดับ เนื่องจากเป็นช่วงเปิดภาคเรียน ทั้งนี้ บริษัทยืนยันว่าไม่มีแผนจะเข้าซื้อหุ้นใน บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัดเพิ่ม หลังจากที่ทาง บมจ. วีจีไอ (VGI) ในฐานะบริษัทย่อยได้เข้าทำการถือหุ้น เคอรี่ เอ็กซ์เพรส สัดส่วน 23% ไปแล้ว