(เพิ่มเติม) บล.ฟิลลิป ตั้งเป้าส่วนแบ่งสิ้นปี 50 ที่ 2.5% /ยังไม่มีแผนเข้าตลท.ปีนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 4, 2007 14:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

         นายสุชาย สุทัศน์ธรรมกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ามีส่วนแบ่งตลาด(มาร์เก็ตแชร์)สิ้นปีนี้ที่ 2.5% จากปีก่อนที่มีมาร์เก็ตแชร์ 1.7% โดยในครึ่งปีแรกมาร์เก็ตแชร์ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 2.1% เนื่องจากบริษัทมีลูกค้ารายใหญ่เข้ามาเทรดผ่านอินเตอร์เน็ตมากขึ้น หลังจากที่อัตราค่าคอมมิชชั่นในการเทรดผ่านอินเตอร์เน็ตถูกกว่าค่าคอมฯผ่านมาร์เก็ตติ้ง นอกจากนี้ นักลงทุนรายย่อยเข้ามาซื้อขายมากขึ้นด้วย 
ทั้งนี้ มองว่าดัชนีสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 850 จุด และแกว่งตัวไปถึง 900 จุดได้ หากการเมืองมีทิศทางที่ดี และเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ หรือมีวอลุ่มเฉลี่ย 20,000-25,000 ล้านบาท/วัน ในช่วงครึ่งปีหลังก็จะทำให้โบรกเกอร์มีกำไรที่ดีกว่าปีก่อนรวมถึงบริษัทด้วย และคาดว่ารายได้ภายใต้วอลุ่มดังกล่าวก็จะปรับตัวสูงขึ้นกว่าปีก่อนเช่นกัน
ในปีนี้คาดว่ากำไรจะปรับตัวดีขึ้นจากวอลุ่มของตลาดอนุพันธ์(TFEX) ที่รายได้ในปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 5-7% ของรายได้รวม จากปี 49 ที่มีรายได้ 500 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 10 กว่าล้านบาท
ถึงแม้บริษัทจะมีการถอนตัวจากการเป็นมาร์เก็ตเมกเกอร์ในตลาด TFEX ก็ไม่กระทบต่อรายได้เพราะบริษัทก็หันไปใช้พอร์ตของบริษัทลงทุนในตลาดตราสารหนี้และตลาดหุ้นโดยพอร์ตมีขนาด 200 ล้านบาท และที่ผ่านมาก็มีกำไร
"ในปีนี้คงยังไม่เห็นการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจากเรายังมีแผนการลงทุนอย่างต่อเนื่องทั้งการลงทุนในออพชั่นและการลงทุนในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าฯ (AFET) และในการเข้าตลาดเราอยากที่จะมีกำไรและรายได้ที่ดีกว่านี้ จึงเชื่อว่าคงจะเห็นการเข้าตลาดในปีหน้ามากกว่า" นายสุชาย กล่าว
นอกจากนี้ นักลงทุนญี่ปุ่นจะเพิ่มเงินเข้ากองทุนเปิดไอยาซาว่า ไทยแลนด์ ฟันด์ อีก 50 ล้านเหรียญสหรัฐ จากที่ลงทุนไปแล้ว 40 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยกองทุนดังกล่าวบริษัทร่วมกับนักลงทุนญี่ปุ่นตั้งกองทุนตั้งแต่ ต.ค.-เม.ย.ที่ผ่านมาก็ได้ผลตอบแทน 20%
ด้านนายวรรธนะ วงศ์สีนิล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนฟิลลิป จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบการลงทุนในกองทุนเพื่อไปลงทุนในต่างประเทศ (FIF) ซึ่งขณะนี้มี 3 แนวทาง ซึ่งคาดว่าจะสามารถสรุปใน 2-3 เดือนนี้ และยังอยู่ระหว่างศึกษาลักษณะการลงทุนให้กับลูกค้าซึ่งเป็นลูกค้ากลุ่มบุคคลที่มีมูลค่า 500 -1,000 ล้านบาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ