นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) เปิดเผยว่า การร่วมลงทุนพัฒนาเหมืองแร่ลิเทียมในอาร์เจนตินามีความล่าช้า หลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้การดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ หยุดชะงัก ทำให้คาดว่าจะสามารถเริ่มผลิตแร่ลิเทียมจากเหมืองดังกล่าวได้ในช่วงปลายปี 64 จากเดิมคาดว่าจะเริ่มผลิตในกลางปี 64 โดยมีกำลังผลิตระยะแรก 40,000 ตัน/ปี
ทั้งนี้ ตามโครงการร่วมลงทุนครั้งนี้ บางจากฯ จะมีได้รับสิทธิในการรับซื้อแร่ลิเทียมประมาณ 6,000 ตัน/ปี ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะนำแร่ลิเทียมมาพัฒนาต่อยอดผลิตเป็นแบตเตอรี่เอง หรือจะเป็นตัวแทนจำหน่าย (เทรดเดอร์) ในตลาด โดยจะต้องพิจารณาทั้งจากความต้องการของตลาดและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลง ขณะเดียวกันก็เริ่มมีผู้สนใจ เข้ามาขอซื้อแร่ลิเทียมกับบางจากฯแล้ว อีกทั้งบริษัทร่วมทุนเองก็มีการทำตลาดอยู่แล้วด้วยเช่นกัน
ขณะที่ปัจจุบันราคาแร่ลิเทียมปรับลดลงตามทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก โดยมีราคาอยู่ที่ประมาณ 9,000-10,000 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากเดิมที่เคยอยู่ระดับ 15,000 เหรียญสหรัฐ/ตัน แต่ราคาแร่ลิเทียม ยังมีโอกาสกลับมาเพิ่มขึ้นได้ ตามทิศทางของเศรษฐกิจในแถบยุโรปที่จะเริ่มฟื้นตัวขึ้น หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายและการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้เกิดความต้องการใช้แร่ลิเทียมในอนาคต
สำหรับการลงทุนเหมืองแร่ลิเทียม ของ BCP เป็นการลงทุนผ่านการถือหุ้น 15.8% ใน Lithium Americas Corp. (LAC) ขณะที่ LAC เป็นผู้ถือหุ้น 50% ร่วมกับ Ganfeng Lithium ถือหุ้นอีก 50% ใน Minera Exar ซึ่งเป็นผู้พัฒนาเหมืองแร่ลิเทียมในอาร์เจนตินา นอกจากนี้ LAC ยังถือหุ้น 100% สำหรับการพัฒนาเหมืองแร่ลิเทียมอีกแห่งหนึ่งในรัฐ Nevada ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ
LAC เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตรอนโตประเทศแคนาดา ประกอบธุรกิจเหมืองแร่ลิเทียม เพื่อผลิตเป็นลิเทียมคาร์บอเนตและลิเทียมไฮดรอกไซด์ ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตแบตเตอรี่สำหรับผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่กำลังเติบโตอย่างมาก ประกอบด้วยรถยนต์ไฮบริด รถยนต์ไฟฟ้า ระบบกักเก็บพลังงาน ตลอดจนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดพกพาต่าง ๆ