นายนาวิน อินทรสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุนต่างประเทศ บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทย ออกกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6MR ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (KFF6MR-AI) ในระหว่างวันที่ 16-22 มิถุนายน 2563 โดยประมาณการผลตอบแทนไว้ที่ 1.30% ต่อปี ซึ่งการลงทุนในสินทรัพย์ที่ปลอดภัยอย่างกองทุนที่มีกำหนดอายุโครงการ (Term Fund) นับเป็นการพักเงินระยะสั้นที่ให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจเพิ่มผลกำไรในระยะสั้น หลบความผันผวนจากความกังวลการระบาดของโควิด-19 รอบที่ 2 และสถานการณ์เศรษฐกิจโลก
ทั้งนี้ จากสถานการณ์การลงทุนในขณะนี้ยังคงมีความผันผวนอยู่ค่อนข้างสูง สะท้อนได้จากดัชนีหุ้นโลกที่มีการปรับตัวขึ้นลงไปมา อันเนื่องมาจากความกังวลในระยะสั้นว่าจะเกิดการระบาดขึ้นอีกเป็นรอบที่ 2 ไม่ว่าจะเป็นการพบกลุ่มผู้ติดเชื้อรายใหม่ในกรุงปักกิ่ง รวมถึงจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการชุมนุมประท้วงในสหรัฐฯ นอกจากนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมุมมองเชิงลบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นโลก
กองทุน KFF6MR-AI เป็นกองทุนที่มีกำหนดอายุโครงการ ประมาณ 6 เดือน และมีการลงทุนแบบกระจุกตัว จึงเหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มิใช่รายย่อยและผู้มีเงินลงทุนสูงเท่านั้น โดยตราสารที่กองทุนเข้าไปลงทุนล้วนเป็นตราสารที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) ที่ผ่านมากองทุน Term Fund ภายใต้การบริหารจัดการของ บลจ.กสิกรไทย ไม่เคยมีประวัติผิดนัดชำระหนี้ (Default)
ดังนั้น เงินลงทุนจะได้รับการบริหารจัดการอย่างดีจากผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญ ควบคู่กับการบริหารความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมอยู่เสมอ ทั้งนี้ คาดว่ากองทุนจะเข้าลงทุนในเงินฝาก Bank of China (สาธารณรัฐประชาชนจีน) และเงินฝาก PT Bank Rakyat Indonesia (ประเทศอินโดนีเซีย) รวมถึงเงินฝาก Doha Bank, เงินฝาก Commercial Bank of Qatar, เงินฝาก AI Khalij Commercial Bank และเงินฝาก Qatar National Bank (ประเทศกาตาร์) โดยกองทุนมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน
"ภาพรวมเศรษฐกิจโลกในปัจจุบันยังคงอยู่ในภาวะถดถอย โดยองค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) ประเมินตัวเลขทางเศรษฐกิจในปีนี้ว่าจะปรับตัวลง 6% ในขณะที่หากเกิดการระบาดขึ้นเป็นรอบที่ 2 จนทำให้ประเทศต่าง ๆ ต้องกลับมาดำเนินมาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะปรับตัวลง 7.6% ในปีนี้ ก่อนที่จะค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้น 2.8% ในปีหน้า"นายนาวิน กล่าว
นายนาวิน กล่าวอีกว่า แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจยังดูไม่สดใส แต่หากพิจารณาเป็นรายภูมิภาค/ประเทศ/กลุ่มอุตสาหกรรม ยังพบว่ามีบางภูมิภาค/ประเทศ/กลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังคงน่าสนใจ โดยเฉพาะประเทศจีนที่มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มกลับมาฟื้นตัวโดยทางการจีนได้เดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการเงินการคลังเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและเสริมสภาพคล่องในระบบ
อย่างไรก็ตามผู้ลงทุนยังต้องจับตาประเด็นการพบกลุ่มผู้ติดเชื้อรายใหม่ในกรุงปักกิ่ง ซึ่งทางการจีนได้เรียกร้องให้มีการใช้มาตรการอย่างเด็ดขาดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดขึ้นซ้ำสอง รวมถึงประเด็นข้อพิพาทระหว่างสหรัฐฯและจีนในอีกหลายเรื่อง ทั้งการร่างกฎหมายใหม่ของสหรัฐฯ และการแทรกแซงการปกครองในฮ่องกงและยกเลิกสิทธิพิเศษทางการค้าของฮ่องกงจากสหรัฐฯ ซึ่งอาจเกิดการตอบโต้จากจีนได้
ทั้งนี้ เมื่อกองทุนครบกำหนดอายุโครงการ บริษัทจัดการจะนำเงินค่าขายคืนอัตโนมัติไปซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนใดกองทุนหนึ่งใน 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเค ตลาดเงิน (K-MONEY) กองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) หรือกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ระยะสั้น (K-SF) ของบลจ.กสิกรไทย เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนอย่างต่อเนื่อง