บมจ.แอสเซทไวส์ (ASW) ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและหนังสือชี้ชวน (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 206 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท และมูลค่าตามราคาบัญชี (book value) ล่าสุด 2.96 บาท/หุ้น หุ้นที่เสนอขายคิดเป็น 27.07% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) โดยมี บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
ทั้งนี้ ASW เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ มีวัตถุประสงค์การเสนอขายหุ้น IPO เพื่อระดมทุนไปใช้เป็นเงินทุนในการพัฒนาโครงการ Modiz รามคำแหง, Modiz Launch, Baan Puri Puri ลาดพร้าว 41 (โฮมออฟฟิศ), Baan Puri Puri พัฒนาการ (ทาวน์โฮม), และโครงการ Mingle รวมทั้งชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงิน และเพิ่มเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ
บริษัทประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ประกอบด้วย ASW และบริษัทย่อยทั้งหมด 15 บริษัทที่ประกอบธุรกิจหลักคือ ธุรกิจพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัย ทั้งคอนโดมิเนียมและแนวราบ ได้แก่ บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮมและโฮมออฟฟิศ จำนวน 12 บริษัท และบริษัทย่อยอีก 3 บริษัท ประกอบธุรกิจอื่น ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย เช่น ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้เช่า, ธุรกิจรับฝากขายฝากเช่าอสังหาริมทรัพย์
ณ วันที่ 31 มี.ค.63 กลุ่มบริษัทมีโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมด 30 โครงการ เป็นโครงการที่พัฒนาเสร็จและปิดโครงการแล้ว 5 โครงการ, โครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและอยู่ระหว่างโอนกรรมสิทธิ์ 16 โครงการ, โครงการระหว่างขายและก่อสร้าง 8 โครงการ และ โครงการรอการพัฒนา 1 โครงการ
ขณะที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้เช่า บริษัทย่อยได้เริ่มสร้าง Community mall ชื่อ Mingle ตั้งอยู่ด้านหน้าโครงการ Kave Town คาดว่าจะสร้างแล้วเสร็จในไตรมาส 4/63 เปิดเป็นพื้นที่ให้เช่าสำหรับร้านอาหารและร้านค้า 53 ร้าน พื้นที่ให้เช่า 1,924 ตารางเมตร ส่วนชั้น 2 จัดเป็น Co-working space และสถานออกกำลังกาย (Fitness) ส่วนธุรกิจรับฝากขายฝากเช่าอสังหาริมทรัพย์ โดยให้บริการรับฝากขายและฝากเช่าสำหรับทุกโครงการอสังหาริมทรัพย์ของกลุ่มบริษัทผ่านทาง website เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า
บริษัทมีแผนจะพัฒนาโครงการในอนาคต เป็นคอนโดมิเนียมแบบ High Rise ได้แก่ Modiz รามคำแหง ติด MRT สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินรามคำแหง มูลค่าโครงการ 4,800 ล้านบาท เปิดขายในไตรมาส 2/63 และตามแผนจะแล้วเสร็จในไตรมาส 4/66, Modiz Launch ใกล้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต มูลค่าโครงการ 1,286 ล้านบาท เปิดขายในไตรมาส 2/63 ตามแผนจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4/65
และโครงการแนวราบ ได้แก่ Baan Puri Puri ลาดพร้าว 41 (โฮมออฟฟิศ) มูลค่าโครงการ 87 ล้านบาท เปิดขายในไตรมาส 3/63 และจะแล้วเสร็จไตรมาส 1/64, Baan Puri Puri พัฒนาการ (ทาวน์โฮม) มูลค่าโครงการ 530 ล้านบาท เปิดขายไตรมาส 3/63 และจะแล้วเสร็จในไตรมาส 1/64 รวมทั้งโครงการคอมมูนิตี้ มอลล์ Mingle ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะเปิดดำเนินการไตรมาส 4/63
ณ วันที่ 31 พ.ค.63 บริษัมมีทุนจดทะเบียน 761,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 761,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 1.00 บาท โดยเป็นทุนที่ชำระแล้ว 555,000,000 บาท โดยภายหลังจากการเสนอขายหุ้น IPO แล้วบริษัทจะมีทุนจดทะเบียนที่เรียกชำระแล้วเพิ่มขึ้นครบจำนวน
ปัจจุบัน โครงสร้างการถือหุ้นของบริษัทมีครอบครัววิพันธ์พงษ์ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 95.74% หลังจากการเสนอขาย IPO จะลดสัดส่วนหุ้นลงเหลือ 69.85%
ผลประกอบการของบริษัทในช่วงปี 60-62 กลุ่มบริษัทมีรายได้จากการขายและบริการเท่ากับ 836.65 ล้านบาท 4,345.82 ล้านบาท และ 2,624.97 ล้านบาท ตามลำดับ รายได้หลักของกลุ่มบริษัทมาจากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ทั้งนี้ ในปี 60 บริษัทขาดทุนสุทธิเท่ากับ 33.95 ล้านบาท ต่อมาในปี 61 พลิกเป็นกำไรสุทธิ 556.60 ล้านบาท และในปี 62 กำไรสุทธิ 297.07 ล้านบาท
งวดไตรมาส 1/63 บริษัทมีรายได้ 593.71 ล้านบาท สูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 487.18 ล้านบาท ณ 31 มี.ค.63 บริษัทมีสินทรัพย์ 7,807.34 ล้านบาท หนี้สินรวม 6,162.25 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 1,645.09 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในแต่ละปีในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินรวม