นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บมจ.แสนสิริ (SIRI) เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง SIRI ยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาที่อยู่อาศัยและสร้างไลฟ์สไตล์ที่ดีควบคู่กัน ภายใต้แนวคิด Made for Life…Made for Everyone โดยให้ความสำคัญกับปรับเปลี่ยนดีไซน์ ฟังก์ชั่น คุณภาพ และบริการ ขณะที่แผนการเปิดตัวโครงการใหม่ยังมีความรัดกุม จากความพร้อมในการปรับเปลี่ยนตามทุกสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา
ทั้งนี้ บริษัทเตรียมเปิดโครงการใหม่อีก 12 โครงการในช่วงครึ่งปีหลัง มูลค่ารวม 16,900 ล้านบาท แบ่งเป็น บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และมิกซ์โปรดักส์ 10 โครงการ มูลค่ารวม 14,300 ล้านบาท และ คอนโดมิเนียมอีก 2 โครงการ มูลค่ารวม 2,600 ล้านบาท
สำหรับกุญแจหลักสำคัญที่จะผลักดัน SIRI บรรลุเป้าหมายยอดขาย 35,000 ล้านบาทในปีนี้ ซึ่งสามารถทำกำไรเพิ่มขึ้น ดังนั้นกำไรที่เพิ่มขึ้นช่วงครึ่งปีหลังจะมาจากการโฟกัสโครงการแนวราบเป็น Strategic Flagship ควบคู่ไปกับการรักษายอดขายและยอดโอนโครงการคอนโดมีเนียม โดยในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทยังมีแผนโอนคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จใหม่ อีก 4 โครงการใหม่ ได้แก่ เดอะ เบส เซ็นทรัล ภูเก็ต, เดอะ เบส สะพานใหม่, XT เอกมัย และ La Habana หัวหิน เป็นต้น
"SIRI มองว่าช่วงครึ่งปีหลัง ตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยวิเคราะห์จากดีมานด์ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ และจากเทรนด์อยู่อาศัยที่คนไทยต้องการมีบ้าน 2 หลัง ทั้งคอนโดมิเนียมที่อยู่ในเมือง เพื่อการเดินทางทำงานที่สะดวก ขณะที่ยังมีความต้องการบ้านชานเมืองเพื่อเป็นสถานที่พักผ่อนที่มีความปลอดภัยมากกว่า ยังรวมถึงการเปลี่ยนไปของพฤติกรรมการใช้ชีวิต ในรูปแบบ Work From Home ที่ทำให้ดีมานด์ของบ้านแนวราบเพิ่มสูงขึ้น จากการมองหาบ้านที่มีพื้นที่กว้างขึ้น เพื่อจะได้มีพื้นที่ส่วนตัวในการทำงานที่บ้าน
ขณะที่กลุ่มลูกค้าบางกลุ่มเริ่มมองหาบ้านหลังใหญ่ที่สามารถ Social Distancing ได้ หรือต้องการแยกครอบครัวออกจากครอบครัวใหญ่เพื่อจะได้มีพื้นที่ส่วนตัวมากขึ้น ยังรวมไปถึงพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ที่มองหาบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมเป็นบ้านหลังแรกเพิ่มขึ้นในปัจจุบันอีกด้วย"นายอุทย กล่าว
นอกจากนี้ SIRI มองว่าดีมานด์ที่อยู่อาศัยในตลาดต่างชาติจะกลับมา โดยความสำเร็จในการสร้างยอดขายอันดับ 1 ในตลาดต่างชาติในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เรามองเห็นดีมานด์ความต้องการจากชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน ที่จะมองหาบ้านหลังที่สองในประเทศที่มีความปลอดภัยและมีระบบสาธารณสุขที่ดี ทั้งนี้ จากการรับมือที่ดีในสถานการณ์ที่ผ่านมา ทำให้ทั่วโลกเล็งเห็นถึงความแข็งแกร่งของประเทศไทย ในการรับมือ นอกจากนี้ไทยยังเป็นประเทศฟื้นตัวจากโควิด-19 อันดับ 2 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย จาก 184 ประเทศทั่วโลก จากการจัดอันดับ Global COVID-19 Index
ดังนั้น SIRI จึงมุ่งเจาะกลุ่มตลาดต่างชาติที่ต้องการเช่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ (Leasehold) ในรูปแบบบ้านหรือทาวน์โฮมอย่างเต็มที่ พร้อมมองหาโอกาสและช่องทางการเจาะตลาดในรูปแบบอื่นๆ จากการเห็นโอกาสทางการตลาด จากความสำเร็จในการขายโครงการบุราสิริ สันผีเสื้อ จ.เชียงใหม่ ในรูปแบบ Leasehold ในช่วงที่ผ่านมา จากแนวโน้มดีมานด์การเติบโตของตลาดแนวราบ จึงเปิดตัว "Sansiri Housing Evolution" ที่มุ่งพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ให้ตอบโจทย์การอยู่อาศัยในทุกความต้องการทุกเซกเมนต์
"เราวางเป้ายอดขายแนวราบในปีนี้ที่ 18,000 ล้านบาท ซึ่งจะผลักดันให้ยอดขายของแสนสิริก้าวสู่ 1.2 แสนล้านบาทภายในระยะเวลา 3 ปี (63-65) ตามเป้าหมายที่วางไว้" นายอุทัย กล่าว
นายอุทัย ยังกล่าวว่า จากยอดขายของบริษัทเติบโตสวนกระแส โดยครองอันดับหนึ่งในตลาดอสังหาริมทรัพย์ในขณะนี้ ส่งผลบริษัทปรับเป้ายอดขายเพิ่มขึ้นจาก 29,000 ล้านบาท เป็น 35,000 ล้านบาท
ขณะที่ยอดโอนโครงการที่อยู่อาศัยทั้งแนวราบและแนวสูงยังสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยล่าสุดบริษัทมียอดโอนแล้ว 18,200 ล้านบาท และมั่นใจใน Secure backlog ในมือที่จ่อคิวโอนแล้วอีก 16,200 ล้านบาท ดังนั้นเป้าหมายการโอนในปีนี้เดิม 33,000 ล้านบาท ปรับเป็น 39,000 ล้านบาท เท่ากับว่าบริษัทมีเป้าหมายที่ต้องโอนเพิ่มอีกเพียง 4,600 ล้านบาทเท่านั้น จึงคาดว่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน
ด้านนายอาณัติ กิตติกุลเมธี รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาโครงการแนวราบ SIRI เปิดเผยว่า ในครึ่งปีแรกโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมของ SIRI มียอดขายเป็นอันดับ 1 โดยปิดการขายไปถึง 13 โครงการ มูลค่ารวม 13,500 ล้านบาท ส่วนในครึ่งปีหลังโครงการแนวราบจะเป็น Strategic Flagship จึงเตรียมเปิดโครงการแนวราบอีก 10 โครงการ แบ่งเป็น บ้านเดี่ยวภายใต้แบรนด์เศรษฐสิริ 2 โครงการ, บ้านเดี่ยวแบรนด์สราญสิริ 1 โครงการ ทาวน์โฮมและมิกซ์โปรดักส์ในเซกเมนต์ Medium และ Affordable ที่ได้รับการตอบรับสูง ในแบรนด์ อณาสิริ 4 โครงการ และสิริ เพลส 3 โครงการ
ในช่วงครึ่งปีหลัง SIRI กำหนดทิศทางการดำเนินธุรกิจโครงการแนวราบด้วยการยกระดับแนวคิด ปรับและเปลี่ยนด้วยการปฎิวัติ 5 ด้าน ภายใต้ชื่อ "Sansiri Housing Evolution" บ้านมาตรฐานใหม่ที่เข้าใจและเข้าถึงทุกคน ซึ่งจะนับเป็นอีกครั้งในการเป็นผู้นำที่ก้าวเปลี่ยนและเซ็ตมาตรฐานใหม่ให้กับวงการอสังหาฯ เพื่อก้าวสู่เป้าหมายการเป็นผู้นำตลาดบ้านเดี่ยว และ Top 3 ในตลาดทาวน์โฮมภายใน 3 ปี ได้แก่
- Brand & Product แสนสิริ มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในฐานะที่เป็น "แบรนด์ที่ทุกคนเข้าถึงได้" เราศึกษาและพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยภายใต้ความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าในทุกเซกเมนต์ ผ่านการเลือก Strategic Location อยู่ในทำเลที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของลูกค้าในทุกระดับราคา
- Design การปรับดีไซน์แบบบ้าน ตลอดจนปรับพื้นที่การใช้งานให้เป็นพื้นที่ Multi-Function สอดคล้องกับพฤติกรรมที่คนใช้เวลาอยู่บ้านมากขึ้น มี Functional Design ที่สามารถรองรับการใช้งานของสมาชิกในบ้านทุกเพศทุกวัยได้อย่างหลากหลาย ตามแนวคิด At Home Concept รวมถึงการให้ความสำคัญในเรื่องของความปลอดภัยด้านสุขอนามัย อาทิ ติดตั้งอ่างล้างมือก่อนเข้าบ้าน จัดพื้นที่วางตู้รองเท้าหน้าบ้าน หรือแม้กระทั่งเปลี่ยนดีไซน์รั้วบ้านให้มีช่อง Mailbox ที่สามารถใส่กล่องพัสดุได้ เพื่อให้สอดคล้องพฤติกรรมของคนที่สั่งของออนไลน์มากขึ้น
นอกจากนี้ ภายในไตรมาสที่สาม สำหรับโครงการที่เตรียมเปิดใหม่ จะมีการพัฒนา Touchless Society เพื่อรองรับพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป ให้เกิดขึ้นในวงการอสังหาฯ อย่างเป็นรูปธรรม ด้วยระบบ Visitor Pass บน Sansiri Home Service Application ซึ่งจะมีการส่ง QR Code เพื่อให้ผู้มาติดต่อสามารถสแกนเข้า-ออกโครงการ ได้ด้วยตัวเองในรูปแบบ E-Stamp รวมถึงพื้นที่ส่วนกลาง ทั้งคลับเฮาส์, ฟิตเนส และสระว่ายน้ำ จะมีขนาดใหญ่ โปร่งโล่ง อากาศถ่ายเทสะดวก แบบ Isolation Design เพิ่มระยะห่างแต่สามารถใช้ชีวิตใกล้กันมากขึ้น รวมถึงการติดตั้ง Automation Sensor ระบบอัตโนมัติภายในห้องน้ำ เพื่อลดและหลีกเลี่ยงการสัมผัส และเพิ่มพื้นที่ออกกำลังกายกลางแจ้ง เป็นต้น
- Service Intelligent แสนสิริได้วางมาตรฐานการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีแห่งอนาคตรวมกับวิถีชีวิตได้อย่างลงตัว ทั้งการบริการหลังการขายที่ครอบคลุมตั้งแต่ระบบรักษาความปลอดภัยทั้งของลูกบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการยกระดับระบบสั่งการด้วยเสียง หรือ Voice Command ด้วย AI บน 2 แพลทฟอร์มหลัก ได้แก่ Home Service Application บริการแบบเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะลูกบ้านแสนสิริ และ Google Assistant ระบบผู้ช่วยของ Google ที่ให้บริการบนสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการ Android ซึ่งจะเป็นสุดยอดผู้ช่วยพูดได้ ที่คอยรับคำสั่งด้วยเสียง และช่วยเหลือผู้ใช้งานในเรื่องต่างๆ เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในที่อยู่อาศัยอัจฉริยะ (สมาร์ทโฮม)
นอกจากนี้ปัจจุบัน ลูกบ้านแสนสิริ สามารถใช้บริการ Virtual Hospital ที่ร่วมกับโรงพยาบาล ผ่านทางแอปพลิเคชัน Sansiri Home Service และหลังจากนี้เตรียมยกระดับความอัจฉริยะให้สามารถรองรับ Tele Medicine ตอบโจทย์ด้านสุขภาพในอนาคต รวมถึงการร่วมกับผู้พัฒนาเครือข่ายเข้ามาสำรวจและติดตั้งเราท์เตอร์ (Router) และเครื่องขยายสัญญาณแบบ Mesh Wi-Fi เพื่อให้สามารถใช้ Wi-Fi ได้ครอบคลุมในทุกพื้นนที่ภายในบ้าน รวมทั้งยังสามารถใช้ Wi-Fi ในพื้นที่ส่วนกลางทั้ง Indoor และ Outdoor ได้เช่นกัน
- Green Living มุ่งมั่นสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีด้วยการส่งเสริมให้ลูกบ้านสร้างพื้นที่สีเขียว มี Green Backyard ของตัวเองที่บ้าน สนับสนุนแนวคิด Food Community โดยจัดพื้นที่ฟาร์มส่วนกลางในการสร้างองค์ความรู้และแบ่งปันอุปกรณ์ รวมไปถึงการนำเสนอการใช้พลังงานทดแทนเพื่ออนาคตด้วย Green Energy ให้แก่ โครงการแนวราบ นอกจากนี้ แสนสิริยังย้ำจุดยืนในด้านการสร้างจิตสำนึกและความรับผิดชอบต่อสังคม โดยริเริ่มให้ความสำคัญในด้านการจัดการขยะ (Waste Management) และมีการพัฒนามาโดยตลอด ซึ่งหลังจากนี้แสนสิริจะยกระดับการสร้างพฤติกรรมใหม่ของการจัดการขยะ ด้วยวิธีการ คัด แยก จัดเก็บ ขนย้าย และนำกลับมาใช้ใหม่ เริ่มตั้งแต่การจัดระบบการบริหารจัดการตั้งแต่การจัดเก็บขยะตั้งแต่ในบ้าน จนถึงการขนย้ายไปยังพื้นที่ Recycle Hub ในโครงการ เพื่อจัดการขยะทุกประเภทตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง แบบครบวงจร โดยยึดหลัก สะดวก สะอาด ปลอดภัย ซึ่งจะเห็นได้ในโครงการแนวราบอีกหลายโครงการหลังจากนี้
- Security System จากCustomer Insight ที่ลูกบ้านให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยไม่แพ้การอยู่อาศัย แสนสิริจึงพัฒนาระบบรักษาความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง ด้วย LIV-24 เทคโนโลยีด้านการดูแลความปลอดภัยและจัดการระบบวิศวกรรมเต็มรูปแบบแห่งแรกของอสังหาฯในไทย ที่สามารถดูแลความปลอดภัยได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นการดึงศักยภาพร่วมกันระหว่างเทคโนโลยีที่ทันสมัยกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และ Sansiri Security Inspection (SSI) ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยที่ถูกฝึกฝนมาให้มีความชำนาญการเป็นพิเศษผ่านมาตรฐานชั้นสูงในวิชาชีพ เพื่อให้ลูกบ้านมั่นใจว่าจะได้รับการดูแลอย่างปลอดภัย 360 องศา
"Sansiri Housing Evolution ภายใต้แนวคิด Made for Life…Made for Everyone จะเริ่มเห็นในโครงการอณาสิริที่จะเปิด 5 โครงการ ตั้งแต่ครึ่งปีหลังนี้ และครอบคลุมในทุกโครงการตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป คาดว่าจะสามารถตอบโจทย์ พฤติกรรมและ Customer Insight ที่เปลี่ยนไปได้ สร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ เข้าใกล้เป้ายอดขายแนวราบปีนี้ 18,000 ล้านบาท ซึ่งเหลือเป้าหมายอีกเพียง 6,400 ล้านบาทเท่านั้น ที่จะก้าวสู่ยอดขายแนวราบ 18,000 ล้านบาท ตามเป้าหมายใหม่ อันจะนำไปสู่การก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดบ้านเดี่ยว และ Top 3 ในตลาดทาวน์โฮมในเวลา 3 ปี" นายอาณัติ กล่าว