นายวิริทธิ์พล จุไรสินธุ์ ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี บมจ.พริมา มารีน (PRM) เปิดเผยว่า บริษัทปรับเพิ่มเป้าหมายรายได้ปีนี้เป็นเติบโต 15% จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตราว 10-12% เนื่องจากธุรกิจเรือขนส่งและกักเก็บปิโตรเลียมทางทะเล (FSU) ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากช่วงไตรมาส 1/63 ซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการใช้บริการที่เพิ่มขึ้น และมีอัตราการใช้บริการเต็ม 100% ทั้ง 8 ลำ รวมถึงการทยอยปรับราคาค่าบริการกลุ่มเรือดังกล่าวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 20% ในไตรมาสนี้
สำหรับภาพรวมการดำเนินงานในไตรมาส 2/63 มั่นใจว่าจะเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ โดยมีปัจจัยมาจากกลุ่มธุรกิจหลักได้แก่ ธุรกิจเรือ FSU ยังทำผลงานได้อย่างโดดเด่นและสร้างการเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการใช้บริการที่เพิ่มขึ้น และมีอัตราการใช้บริการเต็ม 100% ทั้ง 8 ลำ รวมถึงการทยอยปรับราคาค่าบริการกลุ่มเรือดังกล่าวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 20% ในไตรมาสนี้
ขณะที่กลุ่มธุรกิจเรือขนส่งภายในประเทศนั้น ในช่วงเดือน เม.ย.และ พ.ค.ที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่มีปริมาณความต้องการใช้ปิโตรเลียมภายในประเทศที่ลดลงโดยเฉพาะน้ำมันอากาศยาน แต่ด้วยการบริหารจัดการที่มุ่งรักษาอัตราการใช้เรือให้อยู่ในระดับสูง ส่งผลให้บริษัทสามารถบริหารจัดการและสามารถลดผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวได้ดี
ในขณะที่สถานการณ์เดือน มิ.ย.มีสัญญาณฟื้นตัวที่ชัดเจน หลังภาครัฐทยอยคลายมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้มีปริมาณการใช้และขนส่งปิโตรเลียมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ด้วยปัจจัยดังกล่าว ประเมินว่าภาพรวมการดำเนินงานของบริษัทฯ ในครึ่งปีแรก จะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
"เราเชื่อมั่นว่าภาพรวมการดำเนินงานในไตรมาส 2/63 และในครึ่งปีแรกยังมีอัตราการเติบโตที่ดี ซึ่งจะสร้างผลการดำเนินงานที่ดีได้อย่างแน่นอน" นายวิริทธิ์พล กล่าว
นายวีริทธิ์พล กล่าวอีกว่า บริษัทได้วางงบลงทุนไว้ราว 2,200-2,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินจากการกู้สถาบันการเงิน โดยบริษัทมีแผนจะซื้อเรือขนาดเล็กลำใหม่ 2-3 ลำที่สั่งต่อจากประเทศจีน ขณะนี้ใกล้จะแล้วเสร็จรอเดินทางไปตรวจสอบและส่งมอบ ประกอบกับจะเข้าซื้อมือสองประเภทเรือ VLCC ซึ่งเป็นเรือขนาดใหญ่ที่ใช้ในธุรกิจ FSU เพื่อรองรับความต้องการใช้บริการที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง